วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กีฬา^^

ประวัติกีฬาวอลเลย์บอล

กีฬาวอลเลย์บอล (Volleyball) ได้เริ่มขึ้นในปีค.ศ.1895 หรือ พ.ศ. 2438 โดย William G. Morgan ผู้อำนวยการด้านพลศึกษาแห่งสมาคม Y.M.C.A. ( Young Mans Christian Association) เมืองโฮล์โยค ( Holyoke) มลรัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เกิดขึ้นเพียง 1 ปี ก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ ครั้งที่ 1 ณ กรุงเอเธนส์ โดยเขาได้พยายามคิดและดัดแปลงกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ใช้เป็นกิจกรรมนันทนาการหรือผ่อนคลายความตึงเครียดให้เหมาะสมกับฤดูกาล และเขาก็เกิดความคิดขึ้นในขณะที่ได้ดูเกมเทนนิส เพราะกีฬาเทนนิสเป็นกีฬาที่ต้องใช้อุปกรณ์ เช่น แร็กเกต ลูกบอล ตาข่าย และอุปกรณ์อื่นๆ อีกมาก จึงได้มีแนวคิดที่จะใช้ตาข่ายสูง 6 ฟุต 6 นิ้ว จากพื้นซุงเป็นระดับสูงกว่าความสูงเฉลี่ยของผู้ชาย และได้ใช้ยางในของลูกบาสเกตบอลมาทำเป็นลูกบอล แต่ปรากฏว่ายางในลูกบาสเกตบอลเบาและช้าเกินไป จึงได้ใช้ยางนอกของลูกบาสเกตบอล ซึ่งก็ปรากฏว่าใหญ่และหนาเกินไปไม่เหมาะสม ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2449 Morgan ได้ติดต่อบริษัท A.G.Spalding and Brother ให้ทำลูกบอลตัวอย่างขึ้น 1 ลูก โดยมีขนาดเส้นรอบวง 25-27 นิ้ว น้ำหนัก 9-12 ออนซ์ เพื่อนำมาใช้แทนลูกบาสเกตบอล


ในต้นปี พ.ศ. 2439 ได้มีการประชุมสัมมนาผู้นำทางพลศึกษาที่วิทยาลัยสปริงฟิลด์ ในครั้งนั้น Dr. Luther Gulick ผู้อำนวยการโรงเรียนฝึกพลศึกษาอาชีพและกรรมการบริหารด้านพลศึกษาของสมาคม Y.M.C.A. ได้เชิญให้นาย William G. Morgan นำเกมนี้เข้าร่วมในการจัดนิทรรศการที่ New College Gymnasium โดยใช้ผู้เล่นฝ่ายละ 5 คน

นาย Morgan ได้อธิบายว่าเกมใหม่ชนิดนี้เรียกว่า มินโตเนต (Mintonette) เป็นเกมที่ใช้เล่นลูกบอลในโรงยิมเนเชียม แต่อาจจะใช้เล่นในสนามกลางแจ้งก็ได้ ซึ่งผู้สามารถเล่นลูกบอลโดยไม่มีสิ่งกีดขวางเหนือความสูงของตาข่ายจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง การเล่นเป็นการผสมผสานกันระหว่างเกม 2 ประเภทคือ เทนนิส และ แฮนด์บอล

ศาสตราจารย์ Alfred T. Halstead ผู้อำนวยการพลศึกษาแห่งวิทยาลัยสปริงฟิลด์ ซึ่งได้ชมการสาธิตได้ให้ข้อคิดเห็น และลงความเห็นว่า เนื่องจากเกมการเล่นส่วนใหญ่ลูกบอลจะต้องลอยอยู่ตลอดเวลา เมื่อตกลงพื้นก็ถือว่าผิดกฎเกณฑ์การเล่น จึงใช้ชื่อเกมการเล่นนี้ว่า วอลเลย์บอล ซึ่งในที่ประชุมรวมทั้งนาย Morgan ต่างก็ยอมรับชื่อนี้โดยทั่วกัน

ในปี พ.ศ. 2495 คณะกรรมการบริหารสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เสนอให้ใช้ชื่อเป็นคำเดียวคือ Volleyball และนาย Morgan ได้แนะนำวิธีการเล่นให้แก่ Dr.Frank Wook ซึ่งเป็นนักฟิสิกส์ และ John Lynoh หัวหน้าหน่วยดับเพลิง โดยได้ร่วมกันร่างกฎเกณฑ์ในการเล่นขึ้น 10 ข้อ ดังนี้

1.เกม (Game) เกมหนึ่งประกอบด้วย 9 อินนิ่ง (Innings) เมื่อครบ 9 อินนิ่ง ฝ่ายใดได้คะแนนมากว่าเป็นฝ่ายชนะ

2. อินนิ่ง หมายถึง ผู้เล่นของแต่ละชุดได้เสิร์ฟทุกคน

3. สนามเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 25 ฟุต ยาว 50 ฟุต

4. ตาข่ายกว้าง 2 ฟุต ยาว 27 ฟุต สูงจากพื้น 6 ฟุต 6 นิ้ว

5. ลูกบอลมียางในหุ้มด้วยหนังหรือผ้าใบ วัดโดยรอบไม่น้อยกว่า 25 นิ้วและไม่เกิน 27 นิ้ว มีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 9 ปอนด์ และไม่เกิน 12 ปอนด์

6. ผู้เสิร์ฟและการเสิร์ฟ ผู้เสิร์ฟจะต้องยืนด้วยเท้าหนึ่งบนเส้นหลัง และตีลูกบอลด้วยมือข้างเดียว อนุญาตให้ทำการเสิร์ฟได้ 2 ครั้ง เพื่อที่จะส่งลูกบอลไปยังแดนคู่ต่อสู้เช่นเดียวกับเทนนิส การเสิร์ฟจะต้องตีลูกบอลได้อย่างน้อย 10 ฟุต และห้ามเลี้ยงลูกบอล อนุญาตให้ถูกตาข่ายได้ แต่ถ้าลูกบอลถูกผู้เล่นคนอื่นๆ ก่อนถูกตาข่ายและถ้าลูกข้ามตาข่ายไปยังแดนคู่ต่อสู้ถือว่าดี แต่ถ้าลูกออกนอกสนาม จะหมดสิทธ์การเสิร์ฟ ครั้งที่ 2

7. การนับคะแนนลูกเสิร์ฟที่ดีฝ่ายรับจะไม่สามารถโต้ลูกกลับมาได้ให้นับ 1 คะแนนสำหรับฝ่ายเสิร์ฟ ฝ่ายที่จะสามารถทำคะแนนได้คือฝ่ายเสิร์ฟเท่านั้น ถ้าฝ่ายเสิร์ฟทำลูกบอลเสียในแดนของตนเอง ผู้เสิร์ฟจะหมดสิทธิ์ในการเสิร์ฟ

8. ลูกบอลถูกตาข่าย (ลูกเสิร์ฟ) ถ้าเป็นการทำเสียครั้งที่ 1 ให้ขานเป็นลูกตาย

9. ลูกบอลถูกเส้น ให้ถือเป็นลูกออก

10. การเล่นและผู้เล่น การถูกตาข่ายโดยผู้เล่นทำลูกบอลติดตาข่าย หรือ ลูกบอลถูกสิ่งกีดขวาง และกระดอนเข้าสู่สนามถือเป็นลูกดี

ผู้อำนวยการพลศึกษาต่างๆ ของ Y.M.C.A. พยายามส่งเสริมและให้การสนับสนุนกีฬาชนิดนี้โดยนำเข้าไปฝึกในโรงเรียน ซึ่งครูฝึกพลศึกษาของมหาวิทยาลัยสปริงฟิลด์ ในมลรัฐแมสซาชูเซตส์ กับมหาวิทยาลัย George William มลรัฐอิลลินอยส์ ได้เผยแพร่กีฬาชนิดนี้ไปทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยมีการทำเป็นแบบแผน เพื่อจะได้นำไปเผยแพร่ต่อไปดังนี้

1. นาย Elwood s. Brown ได้นำกีฬาวอลเลย์บอลไปสู่ประเทศฟิลิปปินส์

2. นาย J. Haward Crocher นำไปเผยแพร่ที่ประเทศจีน

3. นาย Franklin H. Brown นำไปเผยแพร่ที่ประเทศญี่ปุ่น

4. Dr. J.H. Cary นำไปเผยแพร่ที่ประเทศพม่า และอินเดีย

ปี พ.ศ. 2453 นาย Elwood S. Brown เดินทางไปฟิลิปปินส์ ได้ช่วยจัดตั้งสมาคม และริเริ่มการแข่งขันครั้วแรกที่กรุงมะนิลา ในปี พ.ศ. 2456 โดยเรียกการแข่งขันครั้งนี้ว่า Far Eastern Games

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 Dr.Grorge J. Fischer เลขาธิการปฎิบัติการสงคราม ได้นำเอากีฬาวอลเลย์บอลเข้าไว้เป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งในการฝึกทหารในค่าย ทั้งในและนอกประเทศ และได้พิมพ์กฎกติกากีฬาวอลเลย์บอลเพื่อแจกจ่ายไปยังหน่วยต่างๆ ของทหาร ทั้งกองทัพบกและกองทัพเรือ เพื่อให้ทหารได้ใช้เวลาว่างกับกีฬาโดยอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ลูกวอลเลย์บอล และตาข่ายจำนวนหลายหมื่นชิ้นได้ถูกส่งไปยังค่ายทหารที่ประอยู่ตามหน่วยต่างๆ ทั้งในประเทศและกอง ทัพพัธมิตร นับว่า Dr.Grorge J. Fisher เป็นผู้ช่วยเหลือกีฬาวอลเลย์บอลเป็นอย่างมากจน ได้ชื่อว่าบิดาแห่งกีฬาวอลเลย์บอล

ปี พ.ศ. 2465 ได้มีการปรับปรุงกฎกติกาของวอลเลย์บอลใหม่ โดยสมาคม Y.M.C.A. และสมาคมลูกเสือแห่งอเมริกัน N.O.A.A. ได้จัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลขึ้นมีรัฐต่างๆ ส่งเข้าแข่งขัน 11 รัฐ มีทีมเข้าแข็งขันทั้งสิ้น 23 ทีม รวมทั้งทีมจากแคนาดา

ปี พ.ศ. 2467 กองทัพบกและกองเรือของสหรัฐอเมริกา ได้ส่งเสริมกีฬาวอลเลย์บอลอย่างจริงจัง จนกระทั่งได้แพร่เข้าไปยังกลุ่มโรงเรียน และสมาคมต่างๆ ซึ่งเรียกกันว่าสมาคมกีฬาและสันทนาการแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนเป็นสันทนาการแห่งชาติ ได้นำเอากีฬาวอลเลย์บอลบรรจุไว้ในกิจกรรมของสมาคม

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2471 ไดมีการตั้งสมาคมวอลเลย์บอลแห่งสหรัฐอเมริกาขึ้น เรียกว่า The Untied States Volleyball Association มีชื่อย่อ USVBA ที่ Dr. George J. Fischer เป็นประธาน และ Dr. John Brown เป็นเลขาธิการ ได้ตั้งความมุ่งหมายในการบริหารกีฬาวอลเลย์บอลออกเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้

1. จัดการประชุมประจำปีเพื่อจดทะเบียนมาตรฐานของกีฬาวอลเลย์บอลให้ดีขึ้น

2. วางแผนงานพัฒนากีฬา และการจัดการแข่งขัน

3. จัดการแข่งขันชิงชนะเลิศแห่งชาติ

4. พัฒนากติกาในการเล่นให้ดีขึ้น

5. จัดหาสมาชิกให้เพิ่มขึ้น

ปี พ.ศ. 2479 ได้มีการจัดการแข่งขันประจำปีที่นครนิวยอร์ก จากการแข่งขันนี้ทำให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการแข่งขันวอลเลย์บอลดีขึ้น โดยมีสมาชิกเข้าร่วมจำนวนมาก

ปี พ.ศ. 2483 สมาคม USVBA ได้รับสมาชิกเพิ่ม 2 ทีม คือ มหาวิทยาลัยเทเบิล และมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย และได้มีการแข่งขันประเภทประชาชนทั่วไปที่รัฐฟิลาเดลเฟีย

ปี พ.ศ. 2485 มีการแบ่งเขตออกเป็น 12 เขต สมาชิกต่างๆ ได้ขอร้องให้สมาคม Y.M.C.A. หยุดรับสมาชิกเพราะมีสมาชิกมากเกินไป ทำให้บริการได้ไม่ทั่วถึง เอกอัครราชทูตของรัสเซีย ในกรุงวอชิงตัน ได้ส่งเอกสารเกี่ยวกับกฎกติกาของวอลเลย์บอล ซึ่งได้จัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม โดยมีนาย Herry E. Willson และ Dr. David T. Gaodon เป็นผู้จัดพิมพ์ขึ้น

วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2485 นาย William G. Morgan ผู้ริเริ่มกีฬาวอลเลย์บอลได้ถึงแก่กรรม

ปี พ.ศ. 2486 สมาคมสตรีของ AAHPER (America Association of Health,Physical Education and Recreation) โดยมี Dr. John Brown เป็นเลขาธิการและเหรัญญิกของสมาคม ได้นำเอากีฬาวอลเลย์บอลบรรจุเข้าไว้ในกิจกรรมของสมาคมสตรี และดำเนินการแข่งขันภายในกลุ่ม

ระหว่างวันที่ 1-7 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 ได้จัดให้มีการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลนานาชาติขึ้น โดยมีทีมที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันจำนวนมาก

ปี พ.ศ. 2489 ได้เริ่มมีการสอนกีฬาวอลเลย์บอล โดยใช้อุปกรณ์การสอน เช่น ภาพยนตร์เกี่ยวกับการเล่นและการแข่งขันซึ่งเป็นฟิล์ม 16 มิลลิเมตร จำนวน 2 ม้วน ในการทำภาพยนตร์ครั้งนี้คิดเป็นเงินประมาณ 7,800 ดอลลาร์ฯ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้มีการประชุมเกี่ยวกับการแข่งขันระหว่างชาติ โดยเริ่มที่ชิคาโก ซึ่ง Andrew Stewert เลขาธิการโอลิมปิกแห่ง สหรัฐอเมริกา เพื่อนำกีฬาวอลเลย์บอลจัดแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกต่อไป

ปี พ.ศ. 2490 ได้มีกฎกติกาจัดพิมพ์ใหม่ โดยสมาคม USVBA ซึ่งทางสมาคมได้ส่งนาย FB. De Groot และนาย Royal L. Thomas เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุมที่กรุงปารีส โดยร่วมจัดการแข่งขันระหว่างชาติขึ้น ซึ่งเป็นผลให้เกิดสหพันธ์กีฬาวอลเลย์บอลนานาชาติขึ้นในต้นปีนี้เอง

ปี พ.ศ. 2491 มีการประชุมสมาคม USVBA ที่ South Bend Indiana และปรับปรุงสมาคม USVBA มีการเลือกตั้งคณะกรรมการใหม่ขึ้น โดยสมาคมได้ส่งทีมวอลเลย์บอลชายไปตระเวนแข่งขันในยุโรป

ปี พ.ศ. 2492 หนังสือ Time Game เขียนโดยสมาคม USVBA รายงานการแข่งขันวอลเลย์บอลที่ลอสแอนเจลีส ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างประเทศ ผู้ที่ชนะเลิศได้แก่ รัสเซีย ที่ 2 ได้แก่ เชโกสโลวาเกีย และในปีนี้เองประเทศผรั่งเศสได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม USVBA ด้วย

ปี พ.ศ. 2493 Dr. Fisheer ข้าราชการบำนาญที่มาร์แชลแอลเวลเตอร์ ได้นัดประชุมผู้นำทางกีฬาวอลเลย์บอล โดยแต่ละประเทศได้เขียนรายงานการประชุมเป็นภาษาสวิส และมีการสาธิตการเล่นกลางแจ้ง และในปีนี้ประเทศอังกฤษได้นำเอากีฬาวอลเลย์บอลไว้ในกิจกรรมของสมาคม Y.M.C.A. ของอังกฤษด้วย

ปี พ.ศ. 2494 นาย Robert J. Lavelca ได้ทำสไลด์เกี่ยวกับทักษะเบื้องต้นในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอลขึ้น


ปี พ.ศ. 2495 ได้มีการจัดแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงขึ้นครั้งแรก โดยมีนาย Migaki Nishikawa ประธานสมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศญี่ปุ่น โดยจัดให้มีการแข่งขันระหว่างประเทศในแถบตะวันออกไกล และกีฬาวอลเลย์บอลนี้ได้ถูกจัดเข้าแข่งขันในโอลิมปิกครั้งแรกที่เมืองเฮลซิงกิ และมีการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลกครั้งแรกที่เมืองสโคร์ จากนั้นสมาคมวอลเลย์บอลแห่งญี่ปุ่นก็มีการส่งเสริมกีฬาชนิดนี้มาก โดยส่งทีมวอลเลย์บอลของมหาวิทยาลัย Lashita ซึ่งชนะเลิศการแข่งขันของประเทศญี่ปุ่นไปแข่งที่สหรัฐอเมริกา

ประวัติกีฬาวอลเลย์บอลในไทย

วอลเลย์บอลได้แพร่หลายเข้ามาในไทย ตั้งแต่เมื่อใดไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด เพียงแต่ทราบกันว่าในระยะแรกๆ เป็นที่นิยมเล่นกันในหมู่ชาวจีนและชาวญวนมาก จนกระทั่งมีการแข่งขันระหว่างคณะ ชุมชน สโมสร และสมาคมขึ้น บางครั้งติดต่อแข่งขันกันไปในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีการแข่งขันชิงถ้วยทองคำทางภาคใต้

ปี พ.ศ. 2477 กรมพลศึกษาได้จัดพิมพ์กติกาวอลเลย์บอลขึ้น โดยอาจารย์นพคุณ พงษ์สุวรรณ เป็นผู้แปล และท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในกีฬาวอลเลย์บอลเป็นอย่างยิ่ง จึงได้รับเชิญเป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับเทคนิควิธีการเล่น ตลอดจนกติกาการแข่งขันวอลเลย์บอล แก่บรรดาครูพลศึกษาทั่วประเทศในโอกาสที่กระทรวงศึกษาได้เปิดอบรมขึ้น

ในปีนี้เองกรมพลศึกษาได้จัดให้มีการแข่งขันกีฬาประจำปีขึ้น และบรรจุกีฬาวอลเลย์บอลหญิงเข้าไว้ในรายการแข่งขันเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งในหลักสูตรของโรงเรียนพลศึกษากลางได้กำหนดวิชาบังคับให้นักเรียนหญิงเรียนวิชาวอลเลย์บอลและเนตบอล สมัยนั้นมี น.อ.หลวงสุภชลาศัย ร.น. ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพลศึกษา

จนกระทั่งปี พ.ศ. 2500 ได้มีการจัดตั้ง "สมาคมวอลเลย์บอลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย" (Amature Volleyball Association of Thailand) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและเผยแพร่กีฬาวอลเลย์บอลให้เจริญรุดหน้า และดำเนินการจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลในระบบ 6 คน มีหน่วยราชการอื่นๆ จัดการแข่งขันประจำปี เช่น กรมพลศึกษา กรมการคณะกรรมการกีฬามหาวิทยาลัย เทศบาลนครกรุงเทพฯ สภากีฬาทหาร ตลอดจนการแข่งขันกีฬาเขตแห่งประเทศไทย ได้มีการจัดแข่งขันทั้งประเภททีมชายและทีมหญิงประจำปีทุกปี

ความมุ่งหมายของกีฬาวอลเลย์บอล

1. เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของกีฬาวอลเลย์บอล

2. เพื่อให้มีความสามารถในการเล่นทักษะเบื้องต้นต่างๆ ของกีฬาวอลเลย์บอลอย่างถูกต้อง

3. เพื่อให้มีควมสามารถในการเล่นทีมได้อย่างถูกต้องและฉลาด

4. เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในกติกาเกี่ยวกับการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล

5. เพื่อส่งเสริมในการพัฒนาร่างกาย จิตใจ สังคม และอารมณ์

6. เพื่อส่งเสริมให้มีนิสัยรู้จักการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

7. ส่งเสริมให้เป็นคนมีน้ำใจนักกีฬา

8. เพื่อก่อให้เกิดความสนุกสนาน และเพลิดเพลินในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล

9. เพื่อปลูกฝังนิสัยให้รู้จักกการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์โดยการเล่นกีฬาวอลเลย์บอล

กติกาการเล่นวอลเลย์บอล

การแข่งขัน

ใช้การเสี่ยงเลือกเสิร์ฟหรือเลือกแดน ก่อนแข่งให้วอร์มที่ตาข่าย 3 ถึง 5 นาที ถ้าทั้ง 2 ทีม ตกลงวอร์มพร้อมกันให้วอร์มที่ตาข่ายได้ 6 - 10 นาที

ตำแหน่งของผู้เล่น

ในขณะที่ผู้เสิร์ฟทำการเสิร์ฟ ผู้เล่นแต่ละคนต้องอยู่ในแดนของตน ผู้เล่นแถวหน้า 3 คน แถวหลังแต่ละคนจะต้องอยู่ด้านหลังของคู่ของตนทีเป็นผู้เล่นแถวหน้า การเล่นผิดตำแหน่งจะเป็นฝ่ายแพ้ในการเล่นลูกครั้งนั้น การหมุนตำแหน่งต้องหมุนตามเข็มนาฬิกา

การเปลี่ยนตัวผู้เล่น

เปลี่ยนตัวได้มากสุด 6 คนต่อเซต แต่ละครั้งจะเปลี่ยนกี่คนก็ได้ ผู้ที่เริ่มเล่นในเซตนั้น จะเปลี่ยนตัวออกได้ 1 ครั้งและกลับเข้ามาเล่นได้อีก 1 ครั้ง ในตำแหน่งเดิม ผู้เล่นสำรองจะเปลี่ยนตัวเข้าไปเล่นได้เพียงครั้งเดียวในแต่ละเซต และผู้เปลี่ยนเข้ามาต้องเป็นผู้เล่นคนเดิม

การเล่นลูกบอล

ผู้เล่นสามารถที่จะนำลูกบอลจากนอกเขตสนามกลับเข้ามาเล่นต่อได้ ทีมหนึ่งสามารถถูกลูกบอลได้มากที่สุด 3 ครั้ง ยกเว้นเมื่อทำการบล็อก (ได้ 4 ครั้ง) ผู้เล่นหนึ่งคนจะถูกลูกบอล 2 ครั้ง ติดต่อกกันไม่ได้ ยกเว้นการบล็อกถ้าผู้เล่นถูกลูกพร้อมกัน 3 คน ก็ถือว่าถูก 3 ครั้ง ถ้าถูกพร้อมกันเหนือตาข่ายก็จะไม่นับ ถ้าลูกบอลออกถือว่าฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามทำออก ถ้ายึดลูกบอลเหนือตาข่ายจะต้องเล่นใหม่ ลูกบอลที่ชนตาข่ายยังเล่นต่อไปได้จนครบ 3ครั้ง ตามกำหนดยกเว้นการเสิร์ฟ

การเสิร์ฟ

จะเสิร์ฟโดยผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่งหลังขวาที่อยู่ในเขตเสิร์ฟ การกำหนดทีมที่จะเสิร์ฟ ลูกแรกในเซตที่ 1 และ 5 โดยการเสี่ยง ต้องเสิร์ฟตามลำดับที่บันทึกไว้ เมื่อโยนออกไปเพื่อเสิร์ฟแล้ว ต้องใช้มือหรือส่วนใดของแขนข้างเดียว กระโดดเสิร์ฟได้ ต้องเสิร์ฟลูกภายใน 5 วินาที หลังจากผู้ตัดสินเป่านกหวีด ถ้าเสิร์ฟพลาดไม่ถูกลูก ผู้ตัดสินจะให้เสิร์ฟใหม่ภายใน 3 นาที

การตบลูกบอล

ผู้เล่นในแดนหน้าสามารถตบลูกบอลด้วยวิธีใดก็ได้จากแดนของตนเองในความสูงทุกระดับ โดยในขณะที่สัมผัสลูกบอลนั้น ลูกบอลจะต้องอยู่ในแดนของตนเองเพียงส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดก็ได้ ส่วนผู้เล่นในแนวหลังสามารถกระโดดตบลูกได้ แต่จะต้องตบจากเขตแดนหลัง การตบลูกบอลดังกล่าวหากไม่เป็นตามกติกาข้อนี้ถือว่าเสีย

การบล็อก

ผู้เล่นแถวหน้าเท่านั้นที่บล็อกได้ จะบล็อกเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มก็ได้ เมื่อบล็อกได้แล้วยังถูกลูกได้อีก 3 ครั้งห้ามบล็อกลูกเสิร์ฟ สามารถใช้ส่วนต่างๆ ของร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าถูกลูกบอลได้

การล้ำแดนผิดระเบียบ ก่อนหรือระหว่างการตบของคู่ต่อสู้ หรือสัมผัสลูกบอลในแดนคู่ต่อสู้เข้าไปในแดนคู่ต่อสู้ขณะที่ลูกบอลยังอยู่ในการเล่น และตัวผู้เล่นถูกตาข่ายหรือเสาอากาศถือเป็นการล้ำแดนที่ผิดกติกา

การขอเวลานอก

ขอได้ 2 ครั้งต่อเซต ไม่ให้เปลี่ยนตัว 2 ครั้งต่อเนื่องกัน การขอเวลานอกมีเวลา 30 วินาที ในระหว่างการขอเวลานอกผู้เล่นทุกคนต้องออกไปอยู่บริเวณเขตรอบสนามใกล้ม้านั่ง

การเปลี่ยนตัวมากกว่า 1 คน

ให้แจ้งก่อนและเปลี่ยนทีละคู่ตามลำดับ

เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น


ถ้ามีเหตุระหว่างเล่นให้หยุด แล้วเล่นลูกนั้นใหม่ถ้ามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องหยุดนานไม่เกิน 4 ชม.ถ้าทำการแข่งขันใหม่ใช้สนามเดิม เซตที่หยุดการแข่งขันจะนำมาแข่งขันตามปกติ ถ้าใช้สนามอื่นให้ยกเลิกเซตนั้นแล้วเริ่มต้นใหม่ ผลของเซตที่ผ่านมามีผลเหมือนเดิม ถ้าหยุดเกิน 4 ชั่วโมงต้องเริ่มแข่งใหม่ทั้งหมด

การหยุดพัก

พักระหว่างเซตแต่ละเซตพักได้ไม่เกิน 30 วินาที ส่วนการพักเซตที่ 4 และเซตที่ 5 พักได้ 5 นาที ทั้งสองทีมต้องตั้งแถวที่แนวเส้นหลังทันทีที่ผู้ตัดสินเรียกลงสนามแข่งขันต่อ และเมื่อสิ้นสุดการแข่งขันในแต่ละเซต ทั้งสองทีมต้องเปลี่ยนแดนกัน นอกจากเซตตัดสิน

การเปลี่ยนแดน

เมื่อเสร็จแต่ละเซตทั้ง 2 ทีมจะต้องเปลี่ยนแดนยกเว้นเซตตัดสิน เซตตัดสินทีมใดได้ 8 คะแนนน ให้เปลี่ยนแดนทันทีและตำแหน่งของผู้เล่นเป็นตามเดิม

ข้อห้ามของผู้เล่น

ห้ามมิให้ผู้เล่นสวมเครื่องประดับที่เป็นโลหะของแข็งในระหว่างการแข่งขันทุกชนิด

มารยาทของผู้เล่น

ผู้เล่นต้องยอมรับผลการแข่งขัน สุภาพอ่อนโยนต่อผู้ตัดสินและฝ่ายตรงข้าม ไม่ควรแสดงท่าทางและทัศนะคติที่ใม่ดีระหว่างแข่งขันหรือแสดงพฤติกรรมอื่นใดที่ไม่เป็นการสุภาพต่อผู้อื่น

อุปกรณ์การเล่นวอลเลย์บอล

สนามแข่งขัน

สนามแข่งขันควรจะเป็นพื้นดิน พื้นไม้หรือพื้นปูนซีเมนต์เรียบ และต้องเป็นพื้นแข็งเรียบไม่มีสิ่งกีดขวาง มีลักษณะ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด กว้าง 18 ยาว 9 เมตร โดยมีบริเวณรอบๆ สนาม ห่างจากสนามอย่างน้อย 2 เมตร ถ้าเป็นสนามกลางแจ้งต้องมีบริเวณรอบๆ สนาม ห่างจากสนามอย่างน้อย 3 เมตร ความสูงจากพื้นสนามขึ้นไปมีสิ่งกีดขวางหรือเพดาน อย่างน้อย 7 เมตร หากเป็นการแข่งระดับนานาชาติ ต้องมีบริเวณที่วางด้านข้างไม่น้อยกว่า 5 เมตร และบริเวณด้านหลังไม่น้อยกว่า 8 เมตรเพดานด้านบนสูงไม่น้อยกว่า 12.5 เมตร

เส้นเขตสนาม

เส้นทุกเส้นต้องกว้าง 5 เซนติเมตร เป็นสีอ่อนแตกต่างจากพื้นสนาม เส้นทั้งหมดนี้รวมอยู่ในสนามแข่งขัน กว้าง x ยาว เท่ากับ 9 x 18 เมตร

เส้นแบ่งแดน

เป็นเส้นที่แบ่งพื้นสนามแบ่งออกเป็น 2 ส่วน อยู่ตรงกึ่งกลางของสนามขนาดกลางจากจุดกึ่งกลางไปยังเส้นหลัง 9 เมตร เส้นจะอยู่ใต้ตาข่ายหรือตรงเสาตาข่ายพอดี

เส้นเขตแดน

1. เส้นเขตรุกและเขตรุก เขตรุกของแต่ละฝ่ายเป็นเขตที่กำหนดโดยเขตรุกกว้าง 3 เมตร คิดรวมกับความกว้างของเส้นด้วย เขตรุกจะลากขนานกับเส้นแบ่งแดนของสนาม และสมมติว่ามีความกว้างออกไปนอกเขตสนามโดยไม่มีกำหนด


2. เส้นเสิร์ฟและเขตเสิร์ฟ คือเส้นที่ลากยาว 15 เซนติเมตร สองเส้นจากปลายสุดของสนาม โดยเขียนให้ห่างจากเส้นหลัง 20 เซนติเมตร ซึ่งเขียนจากปลายเส้นข้างด้านขวาหนึ่งเส้น และเข้าไปทางซ้ายด้านในของสนามห่างกัน 3 เมตรอีกหนึ่งเส้น

3. เขตเปลี่ยนตัว อยู่ที่เขตรุกทั้งสองฝ่ายที่อยู่ในแนวสมมุติเลยออกไปในเขตรอบสนามที่อยู่ทั้งสองด้านของโต๊ะผู้บันทึก

แสงสว่าง



แสงสว่างของสนามควรอยู่ที่ 500 - 1500 วัตต์

ตาข่าย

มีขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 9.50 เมตร ขึงอยู่ในแนวดิ่งเหนือจุดกึ่งกลางของเส้นแบ่งแดน จะแบ่งสนามออกเป็น 2 ส่วน

แถบข้าง

ใช้แถบสีขาวกว้าง 5 เซนติเมตร ยาว 1 เมตร ติดอยู่ที่ปลายตาข่ายแต่ละด้าน ตั้งให้ได้ฉากกับเส้นข้าง และอยู่ในแนวเดียวกับจุดกึ่งกลางของเส้นแบ่งแดน แถบนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของตาข่าย

เสาอากาศ


ทำด้วยหลอดใยแก้ว หรือวัตถุที่คล้ายกัน มีความยาว 1.80 เมตรเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 มิลลิเมตร ทาสีขาวสลับแดงเป็นช่วงๆ แต่ละช่วงห่างกัน 10 เซนติเมตร เสาอากาศมี 2 เสา แต่ละเสาผูกติดกับขอบตาข่ายนอกสุดตรงกับแถบเส้นข้างของตาข่าย โดยให้ยื่นขึ้นไปเหนือตาข่าย 80 เซนติเมตร

ความสูงของตาข่าย

ได้แก่ ตาข่าย ของทีมชายสูงจากพื้น 2.43 เมตร ทีมหญิงจะสูงจากพื้น 2.24 เมตร วัดที่จุดกึ่งกลางของสนาม

เสาขึงตาข่าย


ควรจะมีลักษณะกลมหรือเรียบทั้ง 2 เสาซึ่งสามารถปรับระดับได้ มีความสูง 2.55 เมตร เพื่อรองรับปลายสุดของตาข่ายแต่ละด้าน เสาขึงจะต้องยึดติดกับพื้น ห่างจากเส้นข้างอย่างน้อย 50 - 100 เซนติเมตร ห้ามใช้ลวดหรือโลหะเป็นตัวยึดตาข่ายกับเสาเพราะจะเป็นอันตราย

ลูกบอล

ลูกบอลจะต้องมีลักษณะกลม ทำด้วยหนังฟอกที่ยืดหยุ่นได้ มียางในทำด้วยยางหรือวัตถุที่คล้ายคลึงกัน ต้องมีสีที่สว่าง เส้นรอบรูป 65 - 67 ซม. มีน้ำหนัก 260 - 270 กรัม แรงอัด 0.400-0.450 กรัม/ตร.ซม.

ใช้ลูกบอล 3 ลูก

การแข่งขันระหว่างชาติ ควรใช้ลูกบอล 3 ลูก โดยมีคนคอยเก็บลูกบอลให้ 6 คน ซึ่งอยู่ที่มุมเขตสนามทั้งสี่มุม มุมละ 1 คน และด้านหลังผู้ตัดสินด้านละ 1 คน

ผู้เข้าร่วมแข่งขัน

ใน 1 ทีมประกอบด้วยผู้เล่นไม่เกิน 12 คน ผู้ฝึกสอน 1 คน ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน 1 คน เทรนเนอร์ 1 คน แพทย์ 1 คนนักกีฬาลงแข่งขันตลอดเวลา 6 คน

เครื่องแต่งกาย

ใช้กางเกงขาสั้น เสื้อยืดแขนยาวหรือแขนสั้น ถุงเท้า จะต้องสะอาด และแบบเดียวกัน สีเดียวกันทั้งทีม รองเท้าเป็นยางหรือหนังไม่มีเส้น ในการแข่งขันระดับโลก รองเท้าจะต้องมีสีเดียวกัน (ยกเว้นเครื่องหมายการค้า) ติดหมายเลขเรียงกันตั้งแต่ 1 - 12 เบอร์ติดที่กลางหน้าอกมีขนาดสูงไม่น้อยกว่า 8 เซนติเมตร และกลางหลัง มีความสูงไม่น้อยกว่า 15 เซนติเมตร ขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 2 เซนติเมตร อนุญาตให้เปลี่ยนเสื้อขณะแข่งขันได้แต่ต้องเป็นหมายเลขเดิม

รูปแบบการแข่งขัน

ทีมที่ทำได้ 25 คะแนนและต้องมีคะแนนนำทีมตรงข้ามอย่างน้อยที่สุด 2 คะแนน จะเป็นทีมที่ชนะในเซตนั้น ใน กรณีที่ได้ 24 คะแนนเท่ากัน จะแข่งขันต่อไปจนกว่าทีมใดหนึ่งจะมีคะแนนนำทีมฝ่ายตรงข้าม 2 คะแนน เช่น 26 : 24 หรือ 27 : 25 เป็นต้น

แนะนำการดูวอลเลย์บอล วอลเลย์บอล เป็นกีฬาที่เล่นโดยทีม 2 ทีมบนสนามที่แบ่งแดนด้วยตาข่าย ลักษณะการเล่นอาจแตกต่างกันได้ตามสภาพที่จำเป็นเพื่อให้ทุกคนเล่นกันได้แพร่หลาย กีฬาชนิดนี้จัดเป็นกีฬานันทนาการที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 3 ของโลก

จุดมุ่งหมายของการแข่งขันก็คือ การส่งลูกข้ามตาข่ายให้ตกลงบนพื้นที่ในแดนของทีมตรงข้าม และป้องกันไม่ให้ทีมตรงข้ามส่งลูกข้ามตาข่ายมาตกบนพื้นที่ในเขตแดนของตน แต่ละทีมจะสัมผัสลูกบอลได้มากที่สุด 3 ครั้ง ในการส่งลูกบอลไปยังแดนของทีมตรงข้ามสัมผัสบอลแค่ครั้งเดียวก็ได้ โดยปกติแล้วการสัมผัสลูกบอลครั้งแรกก็คือ การรับลูก เสิร์ฟ จากฝ่ายตรงข้าม ครั้งที่ 2 คือ การ set บอลขึ้นบนอากาศ เพื่อให้ครั้งที่ 3 ซึ่งปกติจะใช้ตบลูกบอลทำได้อย่างสะดวก

การเล่นจะเริ่มต้นเมื่อทำการ เสิร์ฟ ลูกบอล โดยผู้เสิร์ฟ ส่งลูกบอลข้ามตาข่ายไปยังทีมตรงข้าม การเล่นจะดำเนินไปจนลูกบอลตกลงบนพื้นในเขตสนามหรือนอกเขตสนาม หรือทีมไม่สามารถส่งลูกกลับไปยังทีมตรงข้ามได้อย่างถูกต้องตามกติกา

ส่วนการนับคะแนนนั้น การแข่งขัน วอลเลย์บอล จะมีการได้คะแนนทุกครั้งที่มีการเล่นลูกถ้าฝ่ายรับลูกเสิร์ฟ ชนะการเล่นลูกนั้นก็จะได้สิทธิทำการเสิร์ฟ และผู้เล่นทั้งหมดต้องหมุนตามเข็มนาฬิกา 1 ตำแหน่ง

จะมีผู้เล่นอยู่ในทีมๆละอย่างมาก 12 คน และอย่างน้อย 6 คน แต่จะลงสนามได้ทีมละ 6 คน ผู้เล่นทั้ง 6 คน ในสนามอาจจะเล่นตลอดเกมหรืออาจเปลี่ยนตัวได้ตลอด ผู้เล่นที่เป็นผู้เสิร์ฟจะเป็นตำแหน่งหลังขวาสุด ซึ่งตำแหน่งของผู้เล่นทุกคนจะไม่สามารถเปลี่ยนได้ตามใจชอบ แต่จะต้องหมุนเวียนแบบทวนเข็มนาฬิกาเมื่อได้สิทธิเปลี่ยนเสิร์ฟ ยกเว้นก็ต่อเมื่อขณะที่กำลังเล่นลูกอยู่ นอกจากนี้ในส่วนของนักกีฬา ยังมีผู้เล่นตัวรับอิสระ (Libero player) ซึ่งเป็นผู้เล่น 1 ใน 12 คน แต่สวมเสื้อที่มีหมายเลขและสีแตกต่างจากผู้เล่นคนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด สามารถเปลี่ยนตัวไปแทนผู้เล่นที่อยู่ในแดนหลังได้เมื่อลูกตายและก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดให้ทำการเสิร์ฟ โดยไม่นับเป็นการเปลี่ยนตัวเข้าออกปกติ

สำหรับผู้ตัดสินวอลเลย์บอล จะมี 2 คน คือ ผู้ตัดสินที่ 1 จะทำหน้าที่ชี้ขาดอยู่บนเก้าอี้ตัดสิน และผู้ตัดสินที่ 2 อยู่ด้านล่างตรงข้ามกับผู้ตัดสินที่ 1 ขณะเดียวกันจะมีผู้กำกับเส้นอีก 4 คน

การนับคะแนน แรลลี่พอยต์ หรือนับทุกลูกที่ลูกตาย จากเซ็ตที่ 1 ถึง เซ็ตที่ 4 กรณีที่เล่น 3 ใน 5 ฝ่ายเสิร์ฟ เล่นลูกจะนับทีละ 1 คะแนน แต่ถ้าฝ่ายเสิร์ฟทำเสียหรือฟาวล์ จะเสียคะแนนและจะต้องเปลี่ยนให้ฝ่ายตรงข้ามเล่น โดยนับคะแนนลักษณะเดียวกัน จนกว่ามีทีมใดได้ครบ 25 คะแนนก่อน เป็นทีมชนะในเซ็ตนั้น หลังจากนั้นเริ่มต้นเล่นกันใหม่ จนกว่าจะรู้ผลแพ้ชนะซึ่งโดยปกติจะแข่งกันหาผู้ชนะ 3 ใน 5 เซต

การแข่งขันในเซตตัดสิน (เซตที่ 3 หากแข่งขันระบบ 2 ใน 3 หรือ เซตที่ 5 ในระบบ 3 ใน 5 จะแข่งขันแบบแรลลี่พอยต์ หรือนับแต้มทุกแต้มที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำลูกเสีย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเสิร์ฟหรือไม่ก็ตาม ฝ่ายใดทำลูกเสียหรือผิดกติกา จะเสียแต้มและเสียสิทธิเสิร์ฟด้วย เซตนี้จะเกมที่ 15 แต้ม ไว้แต่มีกรณีดิวส์ จะต้องมีแต้มห่างกัน 2 แต้ม

นอกจากนี้ยังมีกติกาเบื้องต้นบางอย่างที่ควรรับรู้ เช่น ตำแหน่งการเสิร์ฟ ได้เปลี่ยนใหม่ นักกีฬาสามารถเสิร์ฟจุดใดก็ได้ โดยจะต้องไม่เหยียบเส้นหลังสนามเท่านั้น

ในส่วนของผู้ฝึกสอน ปัจจุบันอนุญาตให้ผู้ฝึกสอนเพียงคนเดียว ยืน เดิน และให้คำแนะนำแก่นักกีฬาได้ที่บริเวณด้านหน้าม้านั่งในแดนตัวเองระหว่างเส้นเขตรุก ถึงเขตอบอุ่นร่างกาย โดยไม่ถือเป็นการรบกวนการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสิน



การเมือง



จี้ถาม ประยุทธ์ ปฏิวัติหรือไม่ พร้อมหวังผูกมิตรทหาร ลั่นสู้เต็มที่หากกองทัพรัฐประหารก่อนชุมนุม


วันนี้(27 ม.ค.) นายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมแกนนำ โดยนายวีระ กล่าวว่า นปช.ได้หารือถึงข่าวเรื่องการรัฐประหาร ซึ่งจากการตรวจสอบไม่ใช่เรื่องเหลวไหล หรือไม่มีมูล ตรงกันข้าม เป็นเรื่องจริงที่มีกลุ่มคนพยายามจะหาเหตุแก้ปัญหาบ้านเมือง ด้วยการยึดอำนาจถือเป็นความคิดโง่ๆ เพราะการรัฐประหารที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2549 ได้ทำให้ไทยติดหลุมวิกฤต ซึ่งสาเหตุที่กลุ่มดังกล่าวเตรียมการรัฐประหารจากการวิเคราะห์เชื่อว่ามาจากที่กลุ่มเสื้อแดงเปิดโปงปัญหารุกที่ดินเขายายเที่ยงและเขาสอยดาว ทำให้กลุ่มอำมาตย์สั่นสะเทือนต่อสถานะมีความหวั่นไหว เกรงว่าสุดท้ายต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จึงให้สมุนอำมาตย์เตรียมการรัฐประหารเพื่อกระชับอำนาจให้มั่นคงแข็งแรง เรื่องนี้จึงอยากบอกผ่านไปยังคนเสื้อแดงทั้งประเทศให้เตรียมการรับมือหากมีการรัฐประหารเกิดขึ้น
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงกรณีรัฐประหาร ว่า เรื่องนี้เป็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่ต้องการทำลายคนเสื้อแดง โดยใช้การยึดอำนาจอธิปไตยจากประชาชนเพื่อสลายพลังคนเสื้อแดง เพราะฉะนั้นในวันที่ 29 ม.ค. คนเสื้อแดงจะเดินทางไปที่กองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนิน โดยจะมีการตั้งเวทีปราศรัยหน้าทางเข้า บก.ทบ. พร้อมขึ้นป้ายหลังเวทีว่า "ผูกมิตรทหารกล้า ต่อต้านขี้ข้าอำมาตย์" ซึ่งนอกจากจะเป็นการทวงถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผบ.ทบ. ว่าจะทำการรัฐประหารหรือไม่แล้ว ก็จะเป็นการแสดงความผูกมิตรกับทหารให้มาอยู่ข้างประชาชน ซึ่งเวทีดังกล่าวจะเริ่มเปิดตั้งแต่ 12.00-17.00 น. นอกจากนี้ในวันที่ 2 ก.พ. คนเสื้อแดงจะบุกไปที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ กรณีที่ ผบ.ทอ.มีท่าทีตอบสนองต่อการรัฐประหาร ซึ่งคนเสื้อแดงจะตั้งเวทีปราศรัยตั้งแต่เวลา 12.00-17.00 น. อย่างไรก็ตาม หากกองทัพฉวยโอกาสลงมือรัฐประหารก่อนเสื้อแดงชุมนุม เราก็จะสู้อย่างเต็มที่










จตุพร ยืนยันไม่เคยพูดจาข่มขู่บิดา นายกฯ พร้อมเตรียมแฉข้อมูลการจ่ายเช็คของคณะ11 เพิ่มพรุ่งนี้ ขณะที่เรียกร้องมูลนิธิรัฐบุรุษแสดงบัญชีทรัพย์สิน



นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ปฏิเสธไม่ได้พูดข่มขู่ นายแพทย์อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เป็นบิดาของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมชี้แจงว่า ตนบอกว่าหากกลุ่มคนเสื้อแดงถูกต้อนให้จนมุมจนเกิดความไม่ปลอดภัย ดังนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รวมถึงบิดาของ นายอภิสิทธิ์ ก็ต้องไม่ปลอดภัยด้วยความเสมอภาคเช่นกันเพียงเท่านั้น จึงไม่อยากให้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง จากสิ่งที่ตนพูดไปก่อนหน้านี้นอกจากนี้ นายจตุพร กล่าวอีกว่าในวันพรุ่งนี้ ตนจะแถลงเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม ในกรณีการจ่ายเช็คของกลุ่มคณะ 11 ให้กับ พล.อ.เปรม ซึ่งเป็นเอกสารการสั่งจ่ายเงินเพิ่มเติม โดยเรื่องนี้ มีความผิดปกติมานานแล้ว เพราะถ้าย้อนกลับไปดูก่อนตั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นบัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็มีเงินบริจาคเข้ามูลนิธิรัฐบุรุษกว่า 100 ล้านบาท ดังนั้นมูลนิธิรัฐบุรุษ ต้องยืนยันความโปร่งใส ด้วยการออกมาแถลงชี้แจงบัญชีทรัพย์สิน พร้อมกันนี้ จะเปิดเผยข้อมูล กรณีที่มีเอกสารคำสั่งมีลายเซ็นของ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สั่งให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ระดมเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ พร้อมอาวุธจำนวน 6,000 นาย เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ตั้งแต่ 14 ก.พ. ซึ่งเป็น 1 ในแผนสกัดคนเสื้อแดงของรัฐบาลมาเปิดเผยเพิ่มเติมด้วย













สาทิตย์ ชี้กรณีแกนนำเสื้อแดงข่มขู่นายกฯและครอบครัวหวังให้กลัว และต่อรองอะไรบางอย่าง เตรียมชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงแนวทางดูแลความเรียบร้อยและเปิดศูนย์ รับแจ้งเบาะแสหากเกิดสิ่งผิดปกติ



นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย แกนนำเสื้อแดง ออกมาข่มขู่ถึงความปลอดภัยของนายกรัฐมนตรีและบิดาว่า คงต้องการให้เกิดความเกรงกลัว ซึ่งสอดคล้องกับเหตุการณ์ระเบิดต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การต่อรองอะไรบางอย่าง แต่กระบวนการยุติธรรมไทยต่อรองไม่ได้ นายกรัฐมนตรีและทุกคนทราบดีว่ามาทำงานเพื่อสาธารณะ ต้องเจอเรื่องแบบนี้ และทำความเข้าใจกับครอบครัวแล้ว ซึ่งรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญ อาทิ องคมนตรี องค์คณะผู้พิพากษา ได้ให้ตำรวจดูแลอย่างใกล้ชิดรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแถลงถึงแนวทางปฏิบัติในการรักษาความสงบ และเปิดศูนย์แจ้งเบาะแสเหตุการณ์ไม่ปกติ เช่น กรณีการยิงเอ็ม 79 เชื่อว่าต้องมีคนเห็น แต่ไม่รู้จะแจ้งที่ไหน นอกจากนี้ รัฐบาลยังเป็นห่วงผลจากคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ อาจจะถูกใช้เป็นชนวนเพื่อนำไปสู่การชุมนุม จนเหตุการณ์บานปลาย หากรัฐบาลไม่ชี้แจงถึงวิธีการ กระบวนการยุติธรรมของประเทศอาจจะเกิดปัญหาได้นายสาทิตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ แกนนำเสื้อแดง อดีตผู้พิพากษาออกมาปลุกผู้ชุมนุมให้เอาอาวุธออกมาว่า ตนกำลังให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาดูคำพูดเหล่านี้อยู่ หากถึงขั้นมีความผิดทางกฎหมายต้องดำเนินการ แต่เห็นชัดเจนว่ากลุ่มคนเหล่านี้ต้องการสร้างความสับสนให้เกิดขึ้น และมีเจตนาสร้างความรุนแรงซึ่งเป้าหมายของรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดความ รุนแรง


จตุพร จวก ปณิธาน ชอบโกหก ท้า โชว์หลักฐานส่งน้ำเลี้ยง

จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง เหน็บ ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาฯนายกฯ มีพฤติกรรมชอบพูดเท็จ ท้าให้หาหลักฐานส่งน้ำเลี้ยงเสื้อแดง หากไม่มีต้องลาออกจากตำแหน่ง
คมชัดลึก ออนไลน์ พาดหัวข่าวว่า ทักษิณ ท้ารัฐโชว์หลักฐานส่งน้ำเลี้ยง ทักษิณ ชินวัตร ท้ารัฐบาลโชว์หลักฐานการส่งน้ำเลี้ยงให้แกนนำเลื้อแดง ซัดเลิกนิสัยสีม่วง ทส. บิ๊กจิ๋ว ปัดนายไม่ได้รับน้ำเลี้ยงจากใคร ขณะที่"จตุพร"จ้องแฉองคมนตรีก๊วน ปณิธาน รุกป่าสงวน เผย บิ๊กจิ๋ว เคลียร์ พัลลภ ผ่าน วีระ ย้ำใครแรงไม่ใช่นปช.
(10 ก.พ.) เวลา12.00 น.ตามเวลาประเทศไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ทวิตบอกกรณีมีการชุมนุมของเสื้อแดงว่า " ไม่มีการชุมนุมเพื่อกดดันศาล การชุมนุมของคนเสื้อแดงเพื่อให้ได้ประชาธิปไตยเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง และต่อต้านความอยุติธรรม 2 มาตรฐานครับ" จากนั้นกล่าวอีกว่า "thaksinvoice ไม่ใช่ของผมครับ ผมนั่งตอบเองแทบจะทุกวันที่ thaksinlive และที่ thaksinbizครับ" และยังเขียนถึงเงินที่โอนเข้าแกนนำเสื้อแดงว่า "รัฐบาลแถลงว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีแกนนำเสื้อแดง ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศจำนวนมาก เป็นรัฐบาลมีอำนาจทำไมไม่จับเอาหลักฐานมาแสดงชัด อย่าพูดให้คนอื่นเสียหาย ตอนเลือกตั้งก็อ้างว่ามีการขนเงินมาทางสุวรรณภูมิหมื่นล้าน ถ้าไม่จริงไม่มีหลักฐานทีหลังอย่าพูดและเลิกนิสัยสีม่วงเสีย"
ด้านพล.ต.เชวงศักดิ์ ทองสลวย นายทหารคนสนิท พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทยกล่าวกรณีที่รัฐบาลเปิดเผยเรื่องท่อน้ำเลี้ยงที่ไหลเข้า มาจากต่างประเทศในเขตตะวันออกกลางให้แกนนำพรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดง ว่า พล.อ.ชวลิตได้ยืนยันว่า ไม่มีเงินจำนวนดังกล่าวไหลเข้ากระเป๋าของพล.อ.ชวลิต การที่รัฐบาลระบุว่ามีเงินโอนมาให้อดีตนายทหารคนหนึ่งที่เป็นคนประสานกลุ่ม ต่างๆ และแกนนำกลุ่มฮาร์ดคอร์ เพื่อนำไปใช้ในการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงนั้น ขอท้าให้รัฐบาลโชว์หลักฐานมา เพราะรัฐบาลตรวจสอบได้ไม่ยาก
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่ามีการโอนเงินและขนเงินผ่านสนามบินสุวรรณภูมิเข้ามาสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า นายปณิธานมีพฤติกรรมชอบพูดเท็จหลายครั้งหลายคราว ก่อนหน้านี้ก็เคยเปิดเผยข้อมูลว่ากลุ่มเสื้อแดงฝึกกำลังต่างด้าว เมื่อตนท้าให้เอาหลักฐานมาเปิดเผย และตั้งกระทู้สดถามในสภานายสุเทพ ก็ยังตอบไม่ได้โดยบอกเพียงเป็นแค่การเตือน แต่มาครั้งนี้ที่นายปณิธานบอกว่ามีการโอนเงินผ่านธนาคาร โดยมาจากเมืองดูไบและเป็นของพ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องนี้ตนขอท้าว่ารัฐบาลมีศักยภาพที่จะตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเงินสดที่อ้างว่ามีการขนผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ ก็สามารถใช้เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ตรวจสอบได้
จึงขอให้นายปณิธาน นำหลักฐานออกมาแสดง หากไม่สามารถนำหลักฐานการโอนเงินออกมาแสดง นายปณิธานก็ไม่ควรแค่ลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้น นายจตุพรกล่าว

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การ์ตูนเดอะพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์


เดอะพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ (อังกฤษ: The Powerpuff Girls) เป็นการ์ตูนจากสหรัฐอเมริกา เขียนโดย Craig McCracken เริ่มออกอากาศทางการ์ตูนเน็ตเวิร์ก ในวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) ถึง 25 มีนาคม พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005)พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ได้รับรางวัลเอมมีในปี พ.ศ. 2543 และ 2548
เรื่องย่อ
พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ เกิดจากการทดลองที่ผิดพลาดของ ศจ.ยูโทเนียม โดย ศจ.ยูโทเนียม ต้องการเด็กหญิงสมบูรณ์แบบ โดยการผมสมน้ำตาล เครื่องเทศ สารพัดของกุ๊กกิ๊ก และสารเคมี X โดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วเกิดเป็นเด็กหญิง 3 คนได้แก่ บลอสซัม บัตเทอร์คัพ และ บับเบิลส์ พวกเธอเกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษ และใช้พลังนี้ในฐานะซูเปอร์ฮีโร่เพื่อช่วยปกป้องโลก ส่วน ศจ.ยูโทเนียม เขาก็รับหน้าที่เลี้ยงดูเหมือนกับเป็นพ่อคนหนึ่ง และคอยให้คำแนะนำสั่งสอน 3 สาวเป็นประจำ ทั้งยังคอยประดิษฐ์คิดค้นของใหม่ ๆ ให้กับพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์อีกด้วย

ตัวละครหลัก
บลอสซัม (Blossom)

เพศ หญิง
สีผม น้ำตาล
เครือญาติ บัตเตอร์คัพ กับ บับเบิลส์ (พี่น้อง)
ศจ.ยูโทเนียม (พ่อ)
เป็นตัวการ์ตูนที่อยู่ในเรื่อง พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ เธอเป็นเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ ทั้งยังเป็นผู้นำของพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์อีกด้วย ลักษณะของบลอสซัมคือไว้ผมยาวและมีผมสีน้ำตาล ใส่ชุดสีชมพู ตาสีชมพู ผูกโบว์สีแดงที่ผม บลอสซัมเป็นผู้นำกลุ่มพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ มีความเป็นผู้นำสูงจนเกินไป ด้วยลักษณะนิสัยของเธอนี่เองที่ทำให้เธอดูเหมือนเป็นพี่สาวของบับเบิลส์และบัตเตอร์คัพ แต่จริงๆแล้วทั้ง 3 คนเกิดมาพร้อมกัน

บัตเทอร์คัป (Buttercup)

เพศ หญิง

สีผม ดำ

เครือญาติ บลอสซัม กับ บับเบิลส์ (พี่น้อง)

ศจ.ยูโทเนียม (พ่อ)

เป็นตัวการ์ตูนที่อยู่ในเรื่อง พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ ลักษณะของเธอคือเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ ไว้ผมสั้น ใส่ชุดสีเขียว ตาสีเขียว บัตเตอร์คัพเป็นเด็กสาวห้าวในกลุ่มพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ ขี้โมโห โวยวายเหมือนเด็กผู้ชาย ชื่นชอบการต่อสู้ที่มีความรุนแรง ในฉบับภาพยนตร์ของ "เดอะพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์" เปิดเผยว่า ศจ.ยูโทเนียมตั้งชื่อว่า "บัตเตอร์คัพ" เพื่อให้มีอักษรนำหน้าด้วย B เหมือนอีกสองคน



บับเบิลส์ (Bubbles)


เพศ หญิง
สีผม ทอง
เครือญาติ บลอสซัม กับ บัตเตอร์คัพ (พี่น้อง)
ศจ.ยูโทเนียม (พ่อ)
เป็นตัวการตูนที่อยู่ในเรื่อง พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ลักษณะของเธอคือเด็กหญิง5 ขวบ ไว้ผมหางม้า ผมสีทอง ใส่ชุดสีฟ้า ตาสีฟ้า ชอบอุ้มตุ๊กตา บับเบิลส์เด็กสาวที่เรียบร้อยพอๆกับความเอ๋อ เป็นคนรักสัตว์ รักธรรมชาติแต่เมื่อบับเบิลส์เกิดโมโหขึ้นมา ไม่สามารถมีใครหยุดยั้งเธอได้


ศจ.ยูโทเนียม (Professor Utonium)


เพศ ชาย
สีผม ดำ
อาชีพ นักวิทยาศาสตร์
เครือญาติ บลอสซัม,บัตเตอร์คัพ,บับเบิลส์ (ลูกสาวทั้งหมด)
เป็นตัวการ์ตูนที่อยู่ในเรื่องพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ เป็นผู้ให้กำเนิดเหล่าพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ ลักษณะของเขาคือชายหนุ่ม ตัวสูงโปร่ง เขาเป็นนักประดิษฐ์ที่มีความสามารถดีคนหนึ่ง ผลงานที่เขาทำส่วนใหญ่จะทำให้พวกพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ใช้ ทั้งยังเป็นพ่อที่ดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ฉะนั้นเขาจึงเป็นพ่อตัวอย่างอีกคนหนึ่ง เขารักพวกพาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์เหมือนเป็นลูกสาว ทั้งยังคอยให้การเอาใจใส่ดูแลอย่างดี

ตัวละครอื่น ๆ

โมโจ โจโจ้
ฮิม
แก๊งอะมีบา
ฟอสซี
แก๊งขี้ไคล
ซีดูซ่า
Ms. Keane
Townsville
Ms. Sara Bellum
Narrator
สุนัขพูดได้
นายกเทศมนตรี

ความรัก


ความรัก คือ ฤดูการที่จะต้องเปลี่ยนไปเมื่อถึงเวลาของมัน
ความรัก คือ สัจธรรม สื่งที่แน่นอนคือ ความไม่แน่นอน
ความรัก คือ ประจุไฟฟ้าคนละขั้วที่วิ่งเข้าหากัน
ความรัก คือ ความรู้สึกว่า " ใช่ " เมื่อเราได้เสียมันไปแล้ว
ความรัก คือ ลูกกวาดรสหวานใน อมไม่นานก้อละลาย
ความรัก คือ เสียงเพลงที่มีทั้ง สุข ทุกข์ เศร้า สนุกสนาน
ความรัก คือ การปลูกต้นไม้ต้องหมั่นดูแลเอาใจใส่ รดน้ำ พรวนดิน
ความรัก คือ การเดินทาง ที่จะสิ้นสุดก้อต่อเมื่อเราหยุดเดิน
ความรัก คือ อำนาจที่ลี้ลับ ซึ่งบางครั้งเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างรัย
ความรัก คือ พลังวิเศษที่ทำหั้ยเกิดสิ่งสวยงาม
ความรัก ไม่ใช่สิ่งจำเป็น แต่เป็นของขวัญล้ำค่าที่แสนวิเศษ
ความรัก คือ ความห่วงใย เอื้ออารีและอดทน
ความรัก ไม่ต้องการผลตอบแทนใดๆเพียงแค่ให้ได้ความรักย้อนกลับคืนมาก้อพอ
ความรัก ไม่มีข้อแม้
ความรัก คือ การให้และไม่เห็นแก่ตัว
ความรัก คือ สื่งบ่งชี้ความถูกต้อง แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะใช้อ้างความเป็นเจ้าของ
ความรัก คือ การเชื่อใจ
รัก คือ ส่วนเติมเต็ม การให้ภัย เข้าใจ และเป็นแรงบันดาลใจ
รัก คือ การให้อภัย การได้รับแบ่งปัน
รัก คือ สิ่งสำคัญสำหรับทุกชีวิต
ความรัก ไม่มีอาณาเขต ไม่มีพรหมแดน ไม่มีข้อจำกัด และกฎที่ตายตัว
ความรัก คือ การที่เรายอมรับทุกๆอย่างของคนอีกคนหนึ่งได้
ความรัก คือ ความอ่อนแอที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว



6 แบบของความรัก

1. ความรักแบบเสน่หา (Eros)
ความรักเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต แม้จะไม่มากพอที่จะทำลายตนเอง หรือรู้สึกถูกใจอีกฝ่ายตั้งแต่แรกเห็น คล้ายรักแรกพบ ความดึงดูดใจซึ่งกันและกัน การแสดงออกมาทั้งคำพูดและการแสดงความใกล้ชิด อยากเจอกันทุกวัน ถ้าเป็นไปได้ วาดฝันเกี่ยวกับอีกฝ่ายไว้งดงาม และไม่ได้คาดการณ์ถึงอุปสรรคใดๆ คู่รักประเภทนี้พยายามพัฒนาสัมพันธภาพกับคู่ของตนอย่างรวดเร็ว โดยการเปิดเผย ซื่อสัตย์ และจริงใจ ใส่ใจคู่รักมากเป็นพิเศษ แต่ไม่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหรือกลัวว่าจะมีคู่แข่ง
2. ความรักแบบไม่ผูกมัด (Ludus)
ความรักเป็นเกมชนิดหนึ่ง เพื่อความบันเทิงของทั้งสองฝ่าย หลีกเลี่ยงการผูกมัด สามารถผลัดเปลี่ยนคู่ไปได้เรื่อยๆ พยายามที่จะไม่สร้างความผูกพันทางอารมณ์อย่างลึกซึ้งกับใคร เพื่อรักษาความเป็นอิสระของตน ถึงแม้จะไม่ต้องการทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แต่การโกหกและความไม่จริงใจถือว่าเป็นการเล่นตามกติกาที่มี ความรักแบบนี้จะไม่หึงหวง หรือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ และอาจเห็นชอบให้คู่ของตนมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ ทั้งนี้เพื่อสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์ของตน
3. ความรักแบบมิตรภาพ (Storge)
ความรักพัฒนามาจากมิตรภาพ เป็นความรู้สึกรักใคร่อันเนื่องมาจากการคบหากันมาเป็นเวลานาน ไม่ได้มีความ รู้สึกตื่นเต้น เร่าร้อน แต่เน้นการกระทำที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกันและมีกิจกรรมร่วมกัน ความรักเป็นสิ่งที่มั่นคง ที่ผนวกเข้าไปกับการดำรงชีวิตตามปกติ
4. ความรักแบบลุ่มหลง (Mania)
ผู้ที่มีความรักแบบนี้จะใฝ่หาความรัก แต่เชื่อว่าความรักเป็นความเจ็บปวด ปรารถนาความใกล้ชิดและต้องการความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ต้องการให้คู่รักของตนแสดงความรักมากกว่าปกติ เมื่อใดที่คู่รักไม่ได้แสดงความใส่ใจ หรือไม่แสดงความรักตามที่ปรารถนา อาจจะทำร้ายตนเอง เพื่อเอาชนะความรัก คู่รักประเภทนี้เชื่อว่า เมื่อปราศจากความรักจากอีกฝ่าย ชีวิตก็ไม่มีคุณค่าอีกต่อไป
5. ความรักแบบมีเหตุผล (Pragma)
เป็นความรักที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความเป็นจริง ผู้ที่มีความรักแบบนี้จะแสวงหาคู่ที่เหมาะสมกับตนมากที่สุด เชื่อว่าความสัมพันธ์จะราบรื่นก็ต่อเมื่อคู่รักสามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานของกันและกัน ได้แสวงหาคนที่มีลักษณะคล้ายตนหรือต่างจากตน แต่ช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาด การเลือกคู่จะมีลักษณะคล้ายรักเผื่อเลือก ทั้งนี้ก็เพราะคาดหวังสัมพันธภาพที่ยั่งยืน
6. ความรักแบบเสียสละ (Agape)
เป็นความรักที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว ต้องการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ มีความห่วงใย และคำนึงถึงความสุขของคู่รักเป็นสำคัญ โดยไม่ใส่ใจกับความต้องการของตนเอง "การให้" เป็นปัจจัยสำคัญของความรักแบบนี้ นักจิตวิทยาได้ทำการศึกษาพบว่า ในชีวิตจริงคู่สมรสจะมีรูปแบบความรักที่คล้ายคลึงกัน เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคู่ที่มีความสัมพันธ์ยาวนานกับคู่ที่เลิกราไป พบว่าประเภทแรกจะมีความรักแบบเสน่หาสูงกว่า และมีความรักแบบไม่ผูกมัดต่ำกว่าประเภทหลัง รูปแบบของความรักอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และลักษณะของบุคคลที่เรามีความสัมพันธ์ด้วย
ความรักแบบต่าง ๆ
เหตุผลที่ผู้หญิงมากมายทุกข์ใจ จากการเดท ก็เพราะพวกเธอเชื่อว่า โลกนี้มีผู้ชาย แค่คนเดียวที่ถูกสร้างมาเพื่อเธอ
ความรัก มีหลากแบบ ความรัก เกิดได้หลายแบบ และความรัก ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แต่ยังไง ๆ เรื่องความรัก ก็ยังมีเรื่องให้คนต้องการรัก หรือคนมีรัก ได้รับการเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ ซึ่งวันนี้เราก็มีเรื่องเกี่ยวกับ มหัศจรรย์ของความรักมาให้อ่านกันด้วยค่ะ . . . เอ่อ ว่าแต่รักของคุณเป็นเช่นนี้อ่ะเปล่าเอ่ย?
คนที่ใช่ ไม่ได้มีเพียงคนเดียว ถ้าคุณคิดว่าคุณทำคู่แท้หลุดมือไปแล้วล่ะก็ อย่าเสียใจไปเลย โลกนี้เต็มไปด้วย ผู้ชายที่มีแนวโน้มจะเป็นคนที่ใช่เยอะแยะ “เหตุผลที่ผู้หญิงมากมายทุกข์ใจ จากการเดท ก็เพราะพวกเธอเชื่อว่า โลกนี้มีผู้ชาย แค่คนเดียวที่ถูกสร้างมาเพื่อเธอ”
รักแรกพบมีจริง มันเป็นไปได้ ที่เราจะรักใครซักคน ที่เพิ่งเจอแค่แป๊ปเดียว “ทางชีวภาพสัตว์ต้องหาคู่ให้ได้ ก่อนฤดูผสมพันธุ์สิ้นสุด ก็เลยถูกตาต้องใจกันอย่างเร็ว” ในเมื่อสมองเราส่งสารแบบนั้น เราก็เลยสามารถตอบโต้ ตัวกระตุ้นความชอบ ภาษากายและความเข้ากันได้อย่างรวดเร็ว
อยู่ห่างๆ กันบ้างก็ดี ในขณะที่คุณกำลังคลั่งรักหัวปักหัวปำ สิ่งที่คุณอยากทำก็คือ เอาอกเอาใจเขา และอยากเกาะติดเขาแจได้ทั้งวันทั้งคืน “การอยู่ห่างกันทำให้สารเคมีแห่งความรัก อย่างโดพามีนและนอเรฟฟินเนฟฟิลในสมองเพิ่มผลผลิต”
ความรักไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ ความรักกระตุ้นสมองส่วนที่สัมพันธ์กับการจดจ่อไปที่แรงจูงใจ และแรงผลักดัน ซึ่งตรงข้ามกับสมองส่วนความรู้สึก เช่นความสุขหรือความเศร้า ตอนนี้เราก็รู้แล้วว่า ทำไมเราถึงว้าวุ่นใจเป็นพิเศษ สำหรับคนที่ทำให้ชีพจรเราเต้นรัว
ความรักเป็นสิ่งเสพติด เมื่อเราดูรูปคนรักเก่า ส่วนของสมองที่เกี่ยวข้อง กับการเสพติดแอคทีฟเป็นพิเศษเลย โดพามีนถูกหลั่งออกมา แล้วเราก็รู้สึกเคลิบเคลิ้ม จิตใจหวั่นไหวล่องลอยอย่างแรง เหมือนใช้ยาเสพติดเลย นั่นคือสาเหตุที่เราโหยหาหวานใจเราไง
ผู้ชายรักง่ายกว่าผู้หญิง เรามีแนวโน้มจะคิดว่าผู้หญิงรีบร้อนที่จะมีรัก แต่ความจริงผู้ชายเป็นอย่างนั้นมากกว่า “สมองผู้ชายติดตั้งสัญญาณเกี่ยวกับการมองเห็นมากกว่า” ดังนั้น เมื่อหนุ่มเห็นสาวที่ทำให้เครื่องเขาติด ก็จะมีแรงไปกระตุ้นสมองส่วนพิเศษที่มีเฉพาะในเพศชาย

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สิงคโปร์ ... สีสันแห่งเอเชีย

สิงคโปร์ ... สีสันแห่งเอเชีย


เกาะสิงคโปร์ ให้ทิวทัศน์เหมือนดั่งแดนสวรรค์แก่นักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวพบว่าบรรยากาศของสิงคโปร์นั้น ผ่อนคลาย แต่มีเอกลักษณ์ ซึ่งคุณลักษณะที่ผสมผสานนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการในสถานที่พักอาศัย ตั้งแต่รายได้ส่วนใหญ่ของประเทศสิงคโปร์มาจากการท่องเที่ยว รัฐบาลของประเทศจึงช่วยอำนวยความสะดวกในกับนักท่องเที่ยวในการเข้ามาในประทศสิงคโปร์ได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่ได้หมายความว่าขาดการรักษาความปลอดภัย ประเทศสิงคโปร์เตรียมพร้อมอย่างดีในการรองรับสถานการณ์ต่างๆ นอกจากการตรวจเช็คด้านความปลอดภัย รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆให้กับนักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่น ประเทศสิงคโปร์มีความยุติธรรมและโปร่งใสในด้านความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ รัฐบาลทำงานควบคู่ไปกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด ภาครัฐบาลและเอกชนทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเศรษฐกิจของประเทศ ผลที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันของภาครัฐและเอกชน ทำให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการค้าและเป็นประเทศที่สังคมมีความสามัคคีกัน สื่อมวลชนมีความตื่นตัวอย่างมากเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในสิงคโปร์และทั่วโลก สื่อมวลชนช่วยให้ประชากรรู้ถึงข่าวสารอยู่เสมอ และทำให้ประชากรได้รู้ถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นวันต่อวัน

สิงคโปร์ เป็นเมืองที่ไม่หยุดนิ่งและอุดมไปด้วยความแตกต่างและสีสัน คุณจะพบกับความผสมผสานอย่างกลมกลืนของวัฒนธรรม อาหาร ศิลปะ และสถาปัตยกรรมได้ที่นี่ เกาะแห่งนี้เต็มเปี่ยมด้วยพลังที่ถูกปลดปล่อย เป็นเสมือนกลจักรขนาดจิ๋วของเอเชียอาคเนย์ที่รวมเอาสิ่งที่ดีที่สุดของโลกตะวันตกและตะวันออกเอาไว้ด้วยกันสิงคโปร์ (อังกฤษ: Singapore) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐสิงคโปร์
(อังกฤษ: Republic of Singapore)
ธงชาติสิงคโปร์
ความหมายธงชาติสิงคโปร์สำคัญขององค์ประกอบต่างๆ ในธง อันได้แก่ สีแดง หมายถึงภราดรภาพและความเสมอภาคของมนุษย์โดยทั่วหน้า สีขาว หมายถึงความบริสุทธิ์ และความดีงามที่แพร่หลายและคงอยู่ตลอดกาล รูปพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งเป็นจันทร์เสี้ยวข้างขึ้น หมายถึงความเป็นชาติใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้น ดาว 5 ดวง หมายถึงอุดมคติ 5 ประการของชาติ ได้แก่ ประชาธิปไตย สันติภาพ ความก้าวหน้า ความยุติธรรม และความเสมอภาค



สภาพภูมิอากาศของประเทศสิงคโปร์
ประเทศสิงคโปร์มีสภาพภูมิอากาศคงที่ มีอุณหภูมิสม่ำเสมอและมีฝนตกชุก สิงคโปร์ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสภาพภูมิอากาศแบบป่าเขตร้อน ไม่มีการแบ่งฤดูเหมือนประเทศอื่นๆ ที่มีการแบ่งเป็น ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง หรือ ฤดูหนาว ด้วยความที่สิงคโปร์มีภูมิอากาศที่คงที่ จึงเป็นการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวตลอดปี โดยอุณหภูมิ จะอยู่ระหว่าง 22 ถึง 34 องศาเซลเซียส ค่าความชื้นโดยเฉลี่ยนอยู่ที่ 85% - 90% ในช่วงเช้า และ 55%-60% ในช่วงเที่ยง หากมีฝนตกชุกมาก ค่าความชื้นอาจสูงได้ถึง 100% ช่วงกลางปี ในเดือนมิถุนายน และ กรกฎาคม จัดเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด และ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม เป็นช่วงฤดูมรสุม ซึ่งวัดจากพื้นดินที่ชุ่มชื้นและค่าความชื้นสูง อุณหภูมิต่ำสุดที่เคยวัดได้ คือ 19.4 องศาเซลเซียส และมากที่สุด คือ 35.8 องศาเซลเซียส ประเทศสิงคโปร์ตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้ภูมิอากาศมีความคงที่อยู่ตลอดปี สภาพภูมิอากาศมักมีส่วนสำคัญเวลานักท่องเที่ยวเลือกที่จะไปท่องเที่ยวในที่ใดๆ และสิงคโปร์ดูจะตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ดีที่สุด บางคนไม่ชอบอากาศชื้นในเดือน พฤศจิกายน และธันวาคม แต่ 10 เดือนที่เหลือก็ยังมีสภาพอากาศที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวได้ สวนพฤกษศาสตร์ที่นี่ได้รับการดูแลอย่างดี เป็นจุดท่องเที่ยวที่สวยงามสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวสิงคโปร์เอง ด้วยสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆปรารถนาจะมาท่องเที่ยวที่สิงคโปร์อย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิต ที่นี่เป็นเกาะที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน ตอบสนองความต้องการของทุกคน การบริการ และความเป็นมิตรของชาวสิงคโปร์ ทำให้การมาท่องเที่ยวที่นี่มีคุณค่าอย่างแท้จริง ในขณะที่กระแสโลกาภิวัฒน์ได้เกิดขึ้นในโลก และประเทศต่างๆเริ่มกลายเป็นเป็นประเทศอุตสาหกรรม และวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของประเทศนั้นๆเริ่มเสื่อมถอยลง












ภูมิประเทศและประชากรในประเทศสิงคโปร์
เกาะสิงคโปร์มีขนาด 710.0 ตารางกิโลเมตร และตั้งอยู่ปลายทางใต้ของคาบสมุทรมาเลย์ตำแหน่งของประเทศสิงคโปร์บนแผนที่โลกนั้นหาได้ง่ายโดยตั้งอยู่ห่างจากเส้น ศูนย์สูตรไปทางเหนือ 137 กิโลเมตร โดยอยู่ถัดลงมาจากรัฐจอฮอ ของมาเลเซีย และอยู่เหนือ เกาะริอู ของประเทศอินโดนิเซีย สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในเอเชียตะวัยออกเฉียงใต้ และมีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับรัฐที่ปกครองตนเองโดยอิสระอื่นๆ อย่าง โมนาโค ซาน มาริโน แอนดอร์รา และ เมืองวิติกัน ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์นี้ ไม่ได้เพียงแก่เป็นตัวกำหนดสภาพภูมิศาสตร์เท่านั้น มันยังเป็นตัวกำหนดระบบความคิดอุดมการณ์บนแผนที่โลกด้วย สิงคโปร์มีความภูมิใจในสถานที่ตั้งของประเทศตน เนื่องจากด้วยความเป็นเกาะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สำหรับนักท่องเที่ยวแล้วสิงคโปร์เป็นดั่งแดนสวรรค์ และทางรัฐบาลก็ได้รักษาภาพลักษณ์นี้ไว้ในแถวหน้าของสังคมโลกมาหลายทศวรรษแล้ว ค่าเงินของสิงคโปร์ ซึ่งเรียกกันว่า สิงคโปร์ ดอลล่าร์ เป็นตัวขับเคลื่อนความเคลื่อนไหวต่างๆในระบบเศรษฐกิจของสิงคโปร์
ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในภูมิภาค และเป็นประเทศเล็กที่สุดในภูมิภาค สิงคโปร์มีประชากรหนาแน่น เป็นอันดับ 2 ของโลก มีจำนวนประชากรประมาณ 4.24 ล้านคน (2547) ประกอบด้วยชาวจีน (76.5%) ชาวมาเลย์ (13.8%) ชาวอินเดีย (8.1%) และอื่น ๆ (1.6%)



ภาษาที่ใช้ในประเทศสิงคโปร์
ภาษาอังกฤษ มาเลย์ จีนกลางเป็นภาษาราชการ แต่ร้องเพลงชาติภาษามาเลย์
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศสิงคโปร์
สิงคโปร์ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดนิ่งที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ความแปลกใหม่กำลังเกิดขึ้นอีกเร็วๆ นี้ คือ โครงการ “Marina Bay Sands” บริเวณ Marina Bay ให้เป็นแหล่งบันเทิงระดับโลก มีโรงละครขนาดใหญ่กว่า 2,000 ที่นั่ง ร้านแบรนด์เนม ภัตตาคารหรูและร้านอาหารลอยน้ำ คาสิโน เป็นก้าวสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นที่นี่โดยเฉพาะชาวต่างชาติเข้าไปเที่ยวได้ฟรี เพียงโชว์หนังสือเดินทาง แต่ถ้าคนภายในประเทศจะเข้าไปต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 1,000 ดอลลาร์
การรณรงค์การท่องเที่ยวโดยเน้น จุดเด่นของสิงคโปร์ในการเป็นสังคมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม “Uniquely Singapore” ย่านใจกลางเมืองสิงคโปร์เป็นที่ตั้งของโรงละครทั้งเล็กและใหญ่ ซึ่งจัดการแสดงละครท้องถิ่น ละครเพลง บัลเลต์ รวมทั้งการแสดงระดับสากลด้วย เช่น โรงละครวิคตอเรีย (The Victoria Theatre), เดอะ ซับสเตชั่น (The Substation), เดอะ แบล็คบ๊อกซ์ (The Blackbox), สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดี้ยม (Singapore Indoor Stadium), หอประชุม จูบิลี (Jubilee Hall) และโรงละครริมน้ำ เอสพลานาด (Esplanade-Theatres on the Bay) สถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมกันมากคือ บริเวณ Marina Bay, ปากแม่น้ำสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมอร์ไลออน (Merlion) และสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำริมน้ำ คือ Clarke Quay, Boat Quay, ไชน่าทาวน์ (China Town), Little India และถนนช็อปปิ้ง Orchard ส่วนนอกเมืองก็มีแหล่งท่องเที่ยวอยู่โดยรอบ ใช้วิธีเดินทางโดยรถไฟ MRT และ รถประจำทาง คือ เกาะเซนโตซา (Sentosa Island) บริเวณ Harbour Front, สวนสัตว์กลางคืน (Night Safari), และสวนนกจูร่ง (Jurong Birdpark)

เมอร์ไลอ้อน (Merlion)
สัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ โดยรูปปั้นนี้มีลักษณะหัวเป็นสิงโต ตัวเป็นปลา มีความสูงประมาณ 8.6 เมตร น้ำหนัก 70 ตัน ซึ่งทำจากซีเมนต์ สร้างขึ้นโดย Lim Nang Sengช่างแกะสลักที่มีชื่อเสียงของสิงคโปร์ ชมบริเวณ แรฟเฟิลส์ แลนดิ้ง ไซต์ (Raffles Landing Site) ซึ่งเป็นที่ที่เซอร์ สแตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ ผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์ได้เหยียบย่างลงบนแผ่นดินแห่งนี้เป็นครั้งแรก
สวนนกจูร่ง (Jurong Birdpark)
สวนนกจูร่ง เป็นสวนนกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวัน
ออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ในพื้นที่รวม 126 ไร่ (202,000 ตารางเมตร) ในประเทศสิงคโปร์ ภายใต้แนวคิดการแสดงแบบเปิดกว้างขนาดใหญ่ สวนนกขนาดใหญ่ 4 กรงที่นักท่องเที่ยวเดินชมได้ สวนนกจูร่งรวบรวมนกชนิดต่างๆ ไว้มากมายกว่า 9,000 ตัว 600 สายพันธุ์ สวนนกจูร่ง แบ่งพื้นที่ออกเป็นโซนต่างๆ โดยเป็นการจำลองบรรยากาศ ตามถิ่นกำเนิดของนกแต่ละชนิดด้วยมีนก จากภูมิภาคต่างๆ เช่น เอเชียอาคเนย์ แอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกาใต้ จุดเด่นของสวนนกจูร่ง เช่น การแสดงการให้อาหารนกกระทุงใต้น้ำครั้ง แรกของโลก ที่สวนนกกระทุง (Pelican Cove), Penguin Expedition (การให้อาหารนกเพนกวิน), การแสดงชุด เบิร์ดแอนด์บัดดี้โชว์ , การแสดงชุดเบิร์ดออฟเพรย์ เรียนรู้ที่จะเป็นคนเลี้ยงเหยี่ยว , ขึ้นพาโนเรลเพื่อชมสวนทั้งหมดในมุมมองของนก ,สวนนกเพนกวิน (Penguin Parade) ในบรรยากาศเลียนแบบขั้วโลกใต้ , สวนนกเอเชียอาคเนย์ (Southeast Asian Birds Aviary)สวนนกจู่ร่งเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 9.00 - 18.00 น. ค่าเข้าชมสวนนกจูร่ง 8.00 เหรียญ (1 เหรียญสิงค์โปร์เท่ากับ 25 บาท)
วิธีเดินทาง: ขึ้นรถ MRT ไปที่สถานที่ Boon Lay (EW27) แล้วต่อรถบัส SBS สาย194 หรือ 251
ไชน่าทาวน์ (China town) สิงคโปร์ชุมชนเก่าแก่มีชื่อเสียง สวนนกจูร่ง(Jurong Bird Park),สิงคโปร์
ของชาวสิงคโปร์เชื้อสายจีนซึ่งเป็น 1 ใน 4ของประเทศสิงคโปร์ เสน่ห์ของไชน่าทาวน์สิงคโปร์คือการผสมผสานทางวัฒนธรรมจีนและแขกอินเดียอย่างลงตัว เมืองไชน่าทาวน์ของสิงคโปร์ก่อตั้งขึ้นราวปี ค.ศ.1821 แนะนำว่าในช่วงเทศกาลฉลองตรุษจีนตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม – 12 กุมภาพันธ์ให้เลือกเวลาช่วงค่ำๆเพราะถนนรอบไชน่าทาวน์จะประดับประดาไปด้วยโคมไฟรูปสวยหลากสีสันที่นี่สามารถเดินช็อปปิ้ง ได้ตลอดทางของหวานของคาวมีให้เลือกซื้อตามชอบ ขนมลูกกวาด ผลไม้เชื่อมหวานๆมีขายเยอะมาก

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

เพลง Stuck-Stacie Orrico


I can't get out of bed today

or get you off my mind

I just can't seem to find a way

to leave the love behind

I ain't tripping

I'm just missin you

You know what I'm saying

You know what I mean

You've got me hanging on a string

Why you make me cry?

I tried to give you everything

But you just gave it up

I ain't tripping

I'm just missin you

You know what I'm saying

You know what I mean

*Every now and then

When I'm all alone

I've been wishing you would call me on the telephone

Say you want me back but you never do I feel like such a fool

I can't take it

What am I waiting for

I'd still break it

I miss you even more

and I can't fake it

The way I could before

I hate you but I love you

I can't stop thinking of you

It's true

I'm stuck on you

My loves a broken record thats

skipping in my head

I keep singing yesterday

..why you gots to play these games we play..

I ain't tripping

I'm just missin you

You know what I'm saying

You know what I mean

Every now and then

When I'm all alone

I've been wishing you would call me on the telephone

Say you want me back but you never do I feel like such a fool

There's nothing I can do

I'm such a fool

for you

I can't take it

What am I waiting for

I'd still break it

I miss you even more

and I can't fake it

The way I could before I

hate you but I love you

I can't stop thinking of you

It's true

Im stuck on you........

Every now and then

When I'm all alone

I've been wishing you would call me on the tele.phone

Say you want me back but you never do I feel like such a fool

There's nothing I can do

I'm such a fool

for you

I can't take it

What am I waiting for

I'd still break it

I miss you even more

and I can't fake it The way I could before

I hate you but I love you

I can't stop thinking of you

I hate you but I love you

Dont.know.what.to.do.

I'm stuck on you!


มหาวิทยาลัยศิลปากร

มหาวิทยาลัยศิลปากร เดิมคือ โรงเรียนปราณีตศิลปกรรม สังกัดกรมศิลปากร ท่านศาสตราจารย์
ศิลป์ พีระศรี (เดิมชื่อ Corrado Feroci) ชาวอิตาเลียน ซึ่งเดินทางมารับราชการในประเทศไทย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ร่วมกับคุณพระสาโรช รัชตมินมานก์ (สาโรช สุขยางค์) ท่านทั้งสองได้ก่อตั้งโรงเรียนปราณีตศิลปกรรมขึ้นในปีพ.ศ. 2476 ใช้พื้นที่วังกลาง และวังตะวันออก หน้าพระบรมมหาราชวังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนแห่งนี้ เปิดสอนให้แก่ข้าราชการและนักเรียนในสมัยนั้นโดยไม่เก็บค่าเล่าเรียน ต่อมาปีพ.ศ. 2478 ได้รวมเอาโรงเรียนนาฏยดุริยางคศาสตร์ ที่ตั้งอยู่วังหน้าไว้ด้วย และเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า “โรงเรียนศิลปากร”
โรงเรียนศิลปากรได้เจริญเติบโตเป็นลำดับเรื่อยมา จนกระทั่ง
พระยาอนุมานราชธนร่วมกับอาจารย์ศิลป์ พัฒนาหลักสูตรจนได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น มหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2486 [2]จัดตั้ง คณะจิตรกรรมและประติมากรรม ขึ้นเป็นคณะวิชาแรก (ปัจจุบันคือคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์) ในปี พ.ศ. 2498 อาจารย์ศิลป์ผลักดันให้เกิดคณะวิชาใหม่ คือ คณะสถาปัตยกรรมไทยซึ่งมี พระพรหมพิจิตร (อู๋ ลาภานนท์) เป็นผู้ก่อตั้ง (ซึ่งต่อมาได้ปรับหลักสูตรและเปลี่ยนชื่อเป็น คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์) คณะโบราณคดี วางรากฐานโดยหลวงบริบาล บุรีภัณฑ์ และต่อมาจึงมี คณะมัณฑนศิลป์ ซึ่งแยกตัวออกมาจากคณะจิตรกรรมฯ จากนั้นได้ขยายพื้นที่มหาวิทยาลัยโดยได้จัดซื้อที่ดินวังท่าพระซึ่งอยู่ติดกับที่ตั้งเดิมจากทายาทสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
ต่อมาเมื่อผู้แทนขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของสหประชาชาติได้ให้คำแนะนำในการจัดตั้ง สถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยให้มีลักษณะสอดคล้องกับหลักการสากล คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาโครงการปรับปรุงมหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อขยายการศึกษาวิชาต่าง ๆ โดยไม่จำกัดเฉพาะศิลปะและโบราณคดีเท่านั้น ศาสตราจารย์ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร จึงได้ ดำเนินการจัดตั้งคณะอักษรศาสตร์ขึ้นเป็นคณะวิชาลำดับที่ 5 และเป็นคณะวิชาแรกของวิทยาเขตแห่งใหม่ คือ วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ณ จังหวัดนครปฐม โดยเริ่มเปิดสอนนักศึกษารุ่นแรก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511 และคณะอักษรศาสตร์ได้ถือวันดังกล่าวเป็นวันสถาปนาคณะฯ ตลอดมา


ตราสัญลักษณ์
พระพิฆเนวร เทพเจ้าแห่งศิลปวิทยาการและการประพันธ์ประทับบนเมฆ พระหัตถ์ขวาบนถือตรีศูล พระหัตถ์ขวาล่างถืองาช้าง พระหัตถ์ซ้ายบนถือปาศะ (เชือก) พระหัตถ์ซ้ายล่างถือครอบน้ำ ประทับบนลวดลายกนก ภายใต้มีอักษรว่า "มหาวิทยาลัยศิลปากร" ประกาศใช้เมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2494





สีประจำมหาวิทยาลัย
เขียวเวอร์ริเดียน เป็นสีของน้ำทะเลระดับลึกที่สุด


เพลงประจำมหาวิทยาลัย
Santa Lucia เป็นเพลงพื้นเมืองของประเทศอิตาลี แต่งขึ้นในราวศตวรรษที่ 19 เป็นบทเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อชมความงามของชายหาดที่มีชื่อเสียงของเมืองเนเปิลส์ นอกจากนี้ เพลง Santa Lucia ยังเป็นเพลงประจำมหาวิทยาลัยศิลปากรอีกด้วย สืบเนื่องจาก ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร ท่านเป็นชาวอิตาลี ซึ่งมีชื่อเดิมว่า คอร์ราโด เฟโรชี (Corrado Feroci) และชอบร้องเพลงนี้บ่อย ๆ เวลาทำงาน หลังจากนั้น คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ ได้นำทำนองเพลงนี้ มาใส่เนื้อร้องภาษาไทย โดยใช้ชื่อเพลงว่า "ศิลปากรนิยม" กลิ่นจัน

คณะวิชา

คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาศิลปบัณฑิต (ศป.บ) หลักสูตรการศึกษา 5 ปี ใน 5 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาจิตรกรรม,สาขาวิชาประติมากรรม,สาขาวิชาภาพพิมพ์,สาขาวิชาศิลปไทย และสาขาวิชาทฤษฎีศิลป์
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต (สถ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 5 ปี ใน 2 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาสถาปัตยกรรม และสาขาวิชาสถาปัตยกรรมไทย
คณะโบราณคดี เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปีใน 7 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาโบราณคดี,สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ,สาขาวิชามานุษยวิทยา,สาขาวิชาภาษาไทย,สาขาวิชาภาษาตะวันออก (ภาษาบาลี-สันสกฤต-เขมร),สาขาวิชาภาษาอังกฤษและสาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส
คณะมัณฑนศิลป์
เปิดสอนในหลักสูตรศิลปบัณฑิต(ศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 7 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการออกแบบภายใน,สาขาวิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์,สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์,สาขาวิชาการออกแบบเครื่องประดับ,สาขาวิชาการออกแบบเครื่องเคลือบดินเผา,สาขาวิชาประยุกต์ศิลปศึกษาและสาขาวิชาการออกแบบเครื่องแต่งกาย
คณะอักษรศาสตร์ เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิต (อ.บ.) หลักสูตรการศึกษา ๔ ปี ใน 15 สาขาวิชาเอกคือ สาขาวิชาภาษาไทย, สาขาวิชาภาษาอังกฤษ, สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส, สาขาวิชาภาษาเยอรมัน, สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น, สาขาวิชาภาษาจีน, สาขาวิชาภาษาเกาหลี, สาขาวิชาประวัติศาสตร์, สาขาวิชาภูมิศาสตร์, สาขาวิชาสังคมศาสตร์การพัฒนา, สาขาวิชานาฏศาสตร์(การละคร), สาขาวิชาปรัชญา, สาขาวิชาสังคีตศิลป์ไทย, สาขาวิชาสารสนเทศศาสตร์และบรรณารักษศาสตร์ สาขาวิชาเอเชียศึกษา
คณะศึกษาศาสตร์ เปิดสอนใน 3 หลักสูตรคือ
1. หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา
2. หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรบัณฑิต (ศษ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี
สาขาวิชาการศึกษาตลอดชีวิต,สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา
3. หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี สาขาวิชาจิตวิทยา
4. หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรบัณฑิต (ศษ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 5 ปี สาขาวิชาภาษาไทย, สาขาวิชาภาษาอังกฤษ, สาขาวิชาสังคมศึกษา, สาขาวิชาการศึกษาปฐมวัย, สาขาวิชาการประถมศึกษาและสาขาวิชาการสอนภาษาจีนในฐานะภาษาต่างประเทศ (โครงการพิเศษ)
คณะวิทยาศาสตร์
เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต (วท.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 10 สาขาวิชาเอก คือ สาขาคณิตศาสตร์ สาขาชีววิทยา สาขาเคมี สาขาฟิสิกส์ สาขาสถิติ สาขาจุลชีววิทยา สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม(เปิดเป็นที่แรกในประเทศไทย)สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ และสาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์
คณะเภสัชศาสตร์เปิดสอนในหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิต (ภ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 5 ปี และ 6 ปี
คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร
เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต (วท.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 3 สาขาวิชาเอกคือ สาชาวิชาสัตวศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร,สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช และสาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
1. หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อธุรกิจ
2. หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการออกแบบ โดยแบ่งเป็น 3 สายวิชาคือ เอกเว็บ เอกแอนิเมชั่น และ เอกเกมส์ โดยจะแยกเอกในชั้นปีที่ 3
3. หลักสูตรปริญญานิเทศศาสตร์บัณฑิต (นศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี สาขานิเทศศาสตร์ โดยแบ่งเป็น 5 สายวิชาคือ สายวิชาการโฆษณา,สายวิชาการลูกค้าสัมพันธ์,สายวิชาวิทยุและโทรทัศน์,สายวิชาภาพยนตร์และสายวิชาวารสารและสิ่งพิมพ์
คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม เปิดสอนใน 3 หลักสูตรคือ
1 .หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ในสาขาวิชาเทคโนโลยีอาหาร, สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ, สาขาวิชาพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร
2. หลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ในสาขาวิชาธุรกิจวิศวกรรม
3. หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ในสาขาวิชา สาขาวิชาปิโตรเคมีและวัสดุพอลิเมอร์, สาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ, สาขาวิชาวิศวกรรมเคมี, สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล, สาขาวิชา
วิศวกรรมการจัดการและโลจิสติกส์, สาขาวิชาวัสดุขั้นสูงและนาโนเทคโนโลยี, สาขาวิชาวิศวกรรมกระบวนการชีวภาพ และสาขาวิชาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และระบบคอมพิวเตอร์
คณะดุริยางคศาสตร์ เปิดสอนในหลักสูตรดุริยางคศาสตรบัณฑิต (ดศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 3 สาขาวิชาคือ การแสดงดนตรี,ดนตรีแจ๊ส และดนตรีเชิงพาณิชย์
คณะวิทยาการจัดการ เปิดสอนในหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิตใน 7 สาขาวิชาคือ
1. หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 3 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการจัดการธุรกิจทั่วไป, สาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยว และสาขาวิชาการจัดการชุมชน
2. หลักสูตรปริญญาบริหารธุรกิจบัณฑิต (บธ.บ.) หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ใน 3 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการตลาด,สาขาวิชาการจัดการธุรกิจและภาษาอังกฤษ และสาขาวิชาการจัดการโรงแรมและที่พัก
3. หลักสูตรปริญญารัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต (รป.บ.)หลักสูตรการศึกษา 4 ปี ในสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์
วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยศิลปากร (Silpakorn University International College or SUIC) เปิดสอน ระดับปริญญาตรี 2 หลักสูตร และ ระดับปริญญาโท 2 หลักสูตร
Bachelor of Business Administration in Hotel Management (BBA) หลักสูตร 4 ปี (การจัดการโรงแรม) ร่วมกับ Institut Vatel (France) , (Double Degree)
Bachelor of Fine Arts in Multimedia Design (BFA) หลักสูตร 4 ปี (ออกแบบสื่อผสม) ร่วมกับ Birmingham Institute of Art and Design (BIAD) , England , (Double Degree)
Master of Business Administration in Hotel and Tourism Management (MBA) หลักสูตร 2 ปี (การจัดการโรงแรมและท่องเที่ยว) ร่วมกับ University de Perpignan (France) , (Double Degree)
Master of Business Administration in International Business (MBA) หลักสูตร 2 ปี (ธุรกิจระหว่างประเทศ) ร่วมกับ University of Technology Sydney (UTS) สำหรับ Study Tour
บัณฑิตวิทยาลัย เปิดสอนในหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอกดังนี้
1. หลักสูตรปริญญาศิลปมหาบัณฑิต คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ ใน 5 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาจิตรกรรม,ประติมากรรม,ภาพพิมพ์,ศิลปไทย และทฤษฎีศิลป์
2. หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ใน สาขาวิชาการจัดการมรดกทางสถาปัตยกรรมกับการท่องเที่ยว ( หลักสูตรนานาชาติ )
3. หลักสูตรปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต คณะจิตกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ร่วมกับคณะศึกษาศาสตร์ ในสาขาวิชาทัศนศิลปศึกษา สถาปัตยกรรมศาสตร์ ใน 4 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการออกแบบชุมชนเมือง,สถาปัตยกรรม ,สถาปัตยกรรมไทย และสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น
4. หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ใน 2 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมและการจัดการมรดกทางสถาปัตยกรรมกับการท่องเที่ยว ( หลักสูตรนานาชาติ )
5. หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ใน 2 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการจัดการโครงการก่อสร้าง และคอมพิวเตอร์เพื่อการออกแบบทางสถาปัตยกรรม
6. หลักสูตรปริญญาการวางผังเมืองชุมชนและสิ่งแวดล้อมมหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ใน สาขาการวางผังเมืองชุมชนและสิ่งแวดล้อม
7. หลักสูตรปริญญาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ในสาขาวิชาภูมิสถาปัตย์
8. หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต คณะโบราณคดีใน 4 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์,ภาษาเขมร,ภาษาสันสกฤต และประวัติศาสตร์ศิลปะไทย
9. หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต คณะโบราณคดีใน 11 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์,โบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ,จารึกภาษาไทย,จารึกภาษาตะวันออก,เขมรศึกษา,ภาษาสันสกฤต,การจัดการจดหมายเหตุและเอกสาร,ประวัติศาสตร์ศิลปะ, มานุษยวิทยา,ภาษาฝรั่งเศสเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม,ภาษาและการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม และการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม
10. หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต คณะมัณฑนศิลป์ ใน สาขาวิชาศิลปะและการออกแบบ (หลักสูตรนานาชาติ)
11. หลักสูตรปริญญาศิลปมหาบัณฑิต คณะมัณฑนศิลป์ ใน 4 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการออกแบบนิเทศศิลป์,การออกแบบภายใน,ประยุกตศิลปศึกษา และเครื่องเคลือบดินเผา
12. หลักสูตรปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิต คณะอักษรศาสตร์ ใน สาขาวิชาภาษาไทย
13. หลักสูตรปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต คณะอักษรศาสตร์ ใน 5 สาขาวิชาคือ ภาษาไทยเพื่อการพัฒนาอาชีพ,ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้,ประวัติศาสตร์ศึกษา,ภาษาไทย และฝรั่งเศสศึกษา
14. หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต คณะอักษรศาสตร์ ในสาขาวิชาภูมิศาสตร์อุตสาหกรรม
15. หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์ ใน 4 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา,การศึกษาตลอดชีวิตและการพัฒนามนุษย์,หลักสูตร และการสอนและพัฒนศึกษา
16. หลักสูตรปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต คณะศึกษาศาสตร์ใน 10 สาขาวิชา คือ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา,การศึกษาตลอดชีวิตและการพัฒนามนุษย์,หลักสูตรและการนิเทศ,การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ,การสอนภาษาไทย,การสอนสังคมศึกษา,จิตวิทยาชุมชน,จิตวิทยาการศึกษาพิเศษ,เทคโนโลยีการศึกษา และพัฒนศึกษา
17. หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต คณะวิทยาศาสตร์ ใน 6 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาเคมีอินทรีย์,ฟิสิกส์,คณิตศาสตร์(นานาชาติ,ชีววิทยา,จุลชีววิทยา และวิทยาการคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ
18. หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณะวิทยาศาสตร์ใน 12 สาขาวิชา คือ สาขาวิชาเคมีศึกษา,เคมีอินทรีย์,เคมีวิเคราะห์,ฟิสิกส์,ชีววิทยา,จุลชีววิทยา,สถิติประยุกต์,คณิตศาสตร์,คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ,วิทยาการคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ,วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และนิติวิทยาศาสตร์
19. หลักสูตรปริญญาเภสัชศาสตรดุษฎีบัณฑิต คณะเภสัชศาสตร์ ใน 4 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ชีวภาพ,เภสัชเคมีและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ,เทคโนโลยีเภสัชกรรม และเภสัชศาสตร์สังคมและการบริหาร
20. หลักสูตรปริญญาเภสัชศาสตรมหาบัณฑิต คณะเภสัชศาสตร์ ใน 9 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาเภสัชกรรมคลินิก,การคุ้มครองผู้บริโภคด้านสาธารณสุข,เภสัชเคมี ,เภสัชเวท,เภสัชศาสตร์ชีวภาพ,เทคโนโลยีเภสัชกรรม,วิทยาการทางเภสัชศาสตร์,การจัดการทางเภสัชกรรม และสารสนเทศศาสตร์ทางสุขภาพ
21. หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณะเภสัชศาสตร์ ใน 2 สาขาวิชาคือ นิติวิทยาศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ)และวิทยาการสังคมและการจัดการระบบสุขภาพ
22. หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ในสาขาวิชาวิทยาการและวิศวกรรมพอลิเมอร์ (หลักสูตรนานาชาติ)
23. หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ใน 3 สาขาวิชา วิทยาการและวิศวกรรมพอลิเมอร์,วิศวกรรมเคมี และการจัดการงานวิศวกรรม
24. หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ใน 2 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีอาหาร
25. หลักสูตรปริญญาดุริยางคศาสตรมหาบัณฑิต คณะดุริยางคศาสตร์ ในสาขาวิชาสังคีตวิจัยและพัฒนา
26. หลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต คณะวิทยาการจัดการ ในสาขาวิชาการจัดการภาครัฐและเอกชน
27. หลักสูตรปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต คณะวิทยาการจัดการ ในสาขาวิชาการประกอบการ
29. หลักสูตรปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต คณะวิทยาการจัดการ ในสาขาวิชารัฐประศานศาสตร์
30. หลักสูตรปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต วิทยาลัยนานาชาติ ใน 2 สาขาคือ สาขาวิชาการจัดการการโรงแรมและการท่องเที่ยว และธุรกิจระหว่างประเทศ
31. หลักสูตรปริญญาศิลปมหาบัณฑิต คณะจิตกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ร่วมกับคณะศึกษาศาสตร์ ในสาขาวิชาทัศนศิลปศึกษา

เรื่องน่ารู้ของมหาวิทยาลัยศิลปากร

1. มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็น 1 ใน 5 มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของไทย ซึ่งประกอบไปด้วย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (มหิดลในปัจจุบัน) และมหาวิทยาลัยศิลปากร

2. มหาวิทยาลัยศิลปากรไม่ได้เด่นทางด้านศิลปะเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังมีความเด่นในสาขาวิชาอื่น ๆ อีก เช่น สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ, ภาษาไทย, ภาษาฝรั่งเศส ของคณะโบราณคดี สาขาวิชาภาษาฝรั่งเศส, ภาษาจีน, ภาษาเกาหลี, ภาษาญี่ปุ่น ของคณะอักษรศาสตร์ สาขาวิชาเคมี และสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ของคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาเทคโนโลยีเภสัชกรรม ของคณะเภสัชศาสตร์ สาขาวิชาปิโตรเคมีและวัสดุพอลิเมอร์ และ สาขาวิชาวิศวกรรมการจัดการและโลจิสติกส์ ของคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม

3. มหาวิทยาลัยศิลปากรติดอันดับ 1 ใน 5 มหาวิทยาลัยยอดนิยมที่มีผู้เลือกในการสอบเอ็นทรานซ์มากที่สุดในปีการศึกษา 2548 โดยคณะโบราณคดี สาขาวิชาภาษาไทย เป็นคณะที่มีผู้เลือกมากที่สุดของประเทศในการสอบเอ็นทรานซ์ปี 2548 โดยมีผู้เลือกมากถึง 2,930 คน แต่รับได้เพียง 40 คน และคะแนนขึ้นจาก 177 คะแนน เป็น 247 คะแนน

4. นิยายหลายเรื่องก็เกิดขึ้นในรั้วศิลปากร เช่น กลิ่นสีและกาวแป้งเป็นเรื่องของคณะจิตรกรรมฯ, เก้าอี้ขาวในห้องแดง โอเนกาทีฟ และ รัก/สาม/เศร้า เป็นเรื่องของคณะมัณฑนศิลป์, น้ำใสใจจริง เป็นเรื่องของคณะอักษรศาสตร์ และในเรื่องน้ำพุ ก็มีการพูดถึงคณะมัณฑนศิลป์

5. ปีการศึกษา 2549 ในการสอบแอดมิชชัน มีผู้สมัครเลือกเข้าศึกษาในคณะอักษรศาสตร์มากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ

6. ปีการศึกษา 2551 ในการสอบแอดมิชชัน มีผู้สมัครเลือกเข้าศึกษาในคณะอักษรศาสตร์มากเป็นอันดับ 4และคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขาวิชานิเทศศาสตร์ มากเป็นอันดับ 5

7. ปีการศึกษา 2552 ในการสอบแอดมิชชัน มีผู้สมัครเลือกเข้าศึกษาในคณะวิทยาศาสตร์มากเป็นอันดับ 4,คณะวิทยาการจัดการ สาขาวิชาการจัดการธุรกิจทั่วไป มากเป็นอันดับ 5และคณะโบราณคดี สาขาวิชามานุษยวิทยา มากเป็นอันดับ 8

".บรรยากาศในมหาวิทยาลัย."






สะพานสระแก้ว














กลุ่มอาคารวิทยาศาสตร์








อาคารศิลป์พีระศรี3

และสนามฟุตบอล